กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 27 พ.ค. 68
กรอบความร่วมมือ Global Cooperation and Training Framework (GCTF) เป็นโครงการริเริ่มระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ที่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2568 ซึ่งปีนี้ประจวบกับเป็นวาระครบรอบ 10 ปี เนื่องในโอกาสนี้ นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน และ Mr. Raymond Greene ผู้อำนวยการใหญ่สถาบันอเมริกาในไต้หวัน Mr. Katayama Kazuyuki นายกสมาคมแลกเปลี่ยนญี่ปุ่น - ไต้หวัน สาขากรุงไทเป และ Mr. Jim Nickel ผู้อำนวยการสำนักงานการค้าแคนาดาประจำกรุงไทเป จึงได้มารวมตัวกันเพื่อการประกาศแถลงการณ์ร่วม ภายใต้กรอบ GCTF
แถลงการณ์ร่วมได้ย้อนพิจารณาผลสัมฤทธิ์ ภายใต้กรอบ GCTF ที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี อาทิ การที่ GCTF ได้รับการพัฒนาสู่การเป็นแพลตฟอร์มแบบพหุภาคี ภายใต้กลไกความร่วมมือแบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ อีกทั้งระยะที่ผ่านมา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และแคนาดา ต่างทยอยเข้าสู่การเป็นหุ้นส่วนประเทศสมาชิกอย่างเป็นทางการตามลำดับ ซึ่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา กลุ่มประเทศสมาชิกต่างประสานความร่วมมือในการจัดกิจกรรมค่ายฝึกอบรมนานาชาติ ภายใต้กรอบ GCTF มาเป็นจำนวนรวม 80 รอบ ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมในต่างประเทศขึ้น รวมทั้งสิ้น 24 รอบ และทำการติดต่อเชิญเจ้าหน้าที่ภาครัฐและผู้เชี่ยวชาญ จำนวนกว่า 10,000 คนจาก 133 ประเทศเข้าร่วม นอกจากนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวยังได้ประกาศเรียกร้องให้ประเทศหุ้นส่วนมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือกันในเชิงลึก เพื่อขยายอิทธิพลให้ครอบคลุมสู่ระดับสากล อันเป็นวิสัยทัศน์ร่วมกัน อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
GCTF เป็นแพลตฟอร์มสำคัญเพื่อการดำเนินภารกิจตามแนวคิด “การทูตเชิงบูรณาการ” ที่บูรณาการไว้ซึ่งการทูตเชิงค่านิยม การทูตเชิงพันธมิตรและการทูตเศรษฐกิจเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นความร่วมมือระหว่างไต้หวันและกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ในการร่วมรับมือกับความท้าทาย ซึ่งนอกจากจะเป็นการเสริมสร้างสถานภาพของ Team Taiwan บนเวทีนานาชาติแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงการที่ไต้หวันเป็นหุ้นส่วนที่ไม่สามารถขาดได้ของ Team World ด้วยเช่นกัน
ในอนาคต หุ้นส่วนประเทศสมาชิกจะมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือกันในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการมองเห็นของ GCTF ในโลกนานาชาติ และเพื่อผลักดันให้ GCTF ก้าวสู่การเป็นแพลตฟอร์มสำคัญทางความร่วมมือแบบพหุภาคี อันจะเป็นการส่งเสริมให้ไต้หวันสามารถเสริมสร้างและขยายเครือข่ายความร่วมมือ พร้อมทั้งแสวงหาโอกาสใหม่ในการแลกเปลี่ยนและดำเนินโครงการ ทั้งในระยะกลางและระยะยาว ตลอดจนนำไปสู่การจัดตั้งกลไกความร่วมมือในรูปแบบทางการที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อร่วมปกป้องรักษาประชาธิปไตย สันติภาพ ความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้คงอยู่สืบไป