กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 3 มิ.ย. 68
การทูตองค์การนอกภาครัฐ (NGO) มีความสำคัญในภารกิจการทูตแบบคู่ขนาน ด้วยเหตุนี้ นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา กระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันจึงได้มุ่งผลักดันการจัดตั้งสำนักงานย่อยในไต้หวันขององค์การนอกภาครัฐระหว่างประเทศ (INGO) ซึ่งตราบจนปัจจุบัน สามารถประสบความสำเร็จในการดึงดูด INGO จำนวน 10 กว่าหน่วยงานทั่วโลก เข้าจัดตั้งสำนักงานย่อยในไต้หวันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ สถาบันประชาธิปไตยแห่งชาติเพื่อการต่างประเทศ (National Democratic Institute for International Affairs, NDI) สถาบัน International Republican Institute (IRI) Freedom House องค์กรไม่หวังผลกำไรของสหรัฐฯ ส่วนในระยะ 2 ปีมานี้ Spirits of America (SOA) ของสหรัฐฯ , Peace Winds Japan (PWJ) ของญี่ปุ่น และ Asia Trails Network (ATN) ของเกาหลีใต้
ไต้หวันมุ่งมั่นสรรสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อการจัดตั้งสำนักงานย่อยในไต้หวันสำหรับหน่วยงาน INGO ซึ่งบังเกิดผลสัมฤทธิ์ในระยะเบื้องต้นแล้ว หลายปีมานี้ ยังมี INGO บางส่วนกว่าจำนวน 50 – 60 แห่ง ที่มีความสนใจและติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่กต.ไต้หวัน เกี่ยวกับประเด็นขั้นตอนการจัดตั้งสำนักงานย่อยในไต้หวัน อนึ่ง เพื่อผลักดันให้ไต้หวันก้าวสู่การเป็นศูนย์รวม INGO ในระดับภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก กต.ไต้หวัน จึงได้ดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องมากมาย ทั้งในด้านกฎหมายและการบริหารงานราชการ สำหรับระบบกฎหมาย หมายถึงการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น การปรับแก้กฎระเบียบว่าด้วย “การอนุโลมให้กลุ่ม INGO สามารถยื่นขอบัตรถิ่นที่อยู่ (ARC) ได้ หลังจากที่เข้ามาพำนักในไต้หวัน โดยไม่ต้องยื่นขออนุมัติจากประเทศตั้งต้นมาก่อน” เนื่องจากโดยปกติแล้ว เจ้าหน้าที่องค์กรเอกชนต่างชาติไม่สามารถได้รับบัตรถิ่นที่อยู่ได้ในทันทีที่เดินทางเข้าสู่ไต้หวัน แต่หลังจากที่ร่างญัตติแก้ไขกฎหมายข้างต้น ได้รับความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้ ก็จะสามารถดำเนินการยื่นขออนุมัติการจัดตั้งสำนักงานย่อยในไต้หวัน โดย “ไม่ต้องแนบหลักฐานบัตรถิ่นที่อยู่” เป็นเงื่อนไขตั้งต้น ในส่วนหน่วยงานนิติบุคคล ก็ได้ปรับลดเงื่อนไขคุณสมบัติการยื่นสมัคร จากเดิมที่ต้องมีทุนสำรองในมูลค่า 30 ล้านเหรียญไต้หวัน ปรับลดให้เหลือเพียง 15 ล้านเหรียญไต้หวัน ส่วนในด้านการบริหารงานราชการ ครอบคลุมในมิติที่หลากหลาย อาทิ การจัดตั้งเว็บไซต์ NGO ในรูปแบบสองภาษา การจัดตั้งช่องทางให้บริการเบ็ดเสร็จให้สำหรับหน่วยงาน INGO ที่ต้องการเข้ามาจัดตั้งสำนักงานในไต้หวัน ด้วยการจัดรวบรวมเอกสารข้อมูลในรูปแบบภาษาจีนและอังกฤษ นอกจากนี้ กต.ไต้หวันยังจะให้ความช่วยเหลือในด้านค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนก่อตั้งสำนักงานย่อย และการจัดสรรเงินอุดหนุนสำหรับค่าเช่าในระยะสั้น
ตัวแทนองค์การเอกชนต่างร่วมกันยื่นเสนอ แผนการจัดตั้งให้ไต้หวันก้าวขึ้นสู่ศูนย์รวม INGO ในระดับภูมิภาค ในระหว่างช่วงการประชุม Yushan Forum ครั้งที่ 8 ประจำปี 2568 ที่จัดตั้งขึ้นโดย “มูลนิธิเพื่อการแลกเปลี่ยนไต้หวัน-เอเชีย” (Taiwan-Asia Exchange Foundation, TAEF) เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ กต.ไต้หวันได้มุ่งแสวงหาฐานที่ตั้งที่เหมาะสมสำหรับการจัดตั้งแหล่งรวม INGO ในไต้หวัน อย่างไรก็ตาม พวกเราจะเริ่มต้นจากการวางแผนจัดตั้งแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนให้คำปรึกษาและศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจสำหรับกลุ่ม INGO ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการจัดตั้งระบบนิเวศของ INGO ในไต้หวันได้อย่างครอบคลุมสมบูรณ์ หลังจากภารกิจแผนการข้างต้นเสร็จสิ้นลง พวกเราจะมุ่งเสริมสร้างการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่าง INGO ที่มีสาขาในไต้หวัน และหน่วยงานภาคเอกชน ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางความร่วมมือระหว่างภาคประชาสังคมในภูมิภาค และการแลกเปลี่ยนระหว่างพันธมิตรประชาธิปไตยทั่วโลก ตลอดจนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาสันติภาพในระดับภูมิภาคและระดับสากล ผ่านการสวมบทบาทในการเป็นพลังแห่งความดีของโลกใบนี้
นอกจากนี้ ไต้หวันยังมีกำหนดการจัดกิจกรรม “โครงการแลกเปลี่ยนทูตเยาวชนนานาชาติ” เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างทูตเยาวชนในสมัยที่ผ่านๆ มา เพื่อรุกขยายอิทธิพลทางการทูตของกลุ่มเยาวชนไต้หวัน กิจกรรมข้างต้นจะมีกำหนดการจัดขึ้น ณ อาคารรับรองอาคันตุกะ กรุงไทเป ในวันที่ 6 มิถุนายน 2568 โดยจะทำการติดต่อเชิญทูตเยาวชนที่เคยเข้าร่วมโครงการฯ ตลอดระยะเวลารวม 16 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2552 มารวมตัวกันเพื่อย้อนพิจารณาวิวัฒนาการการแลกเปลี่ยน และบอกเล่าเรื่องราวการสานสัมพันธไมตรีของทูตเยาวชน ตลอดจนเป็นการแสดงให้เห็นถึงการยอมรับ และส่งมอบกำลังใจให้แก่กลุ่มเป้าหมายในการเข้าร่วมกิจการด้านการทูตอย่างต่อเนื่อง
“โครงการแลกเปลี่ยนทูตเยาวชนนานาชาติ” ที่ได้รับการผลักดันตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา ได้ทำการบ่มเพาะเยาวชนดีเด่น รวมจำนวนกว่า 1,800 คนในการเดินทางเยือน 60 ประเทศทั่วโลก เพื่อทำการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการทูตสาธารณะในเชิงลึกกับกลุ่มประเทศพันธมิตรและบรรดามิตรประเทศ กิจกรรมโครงการในปีนี้ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากกลุ่มนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาทั่วทุกพื้นที่ในไต้หวัน ยอดผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในปีนี้ ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่หลังยุคโควิด – 19 เป็นต้นมา แสดงให้เห็นถึงความสมัครใจของเหล่าเยาวชนไต้หวันที่พร้อมมุ่งมั่นทุ่มเทในภารกิจการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ โดยในปีนี้ จะเปิดรับทูตเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกในจำนวน 40 คน เพื่อเข้าสู่การปฏิบัติภารกิจ ภายใต้ธีม “การทูตชนเผ่าพื้นเมือง” โดยมีกำหนดการมุ่งหน้าสู่สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ ประเทศพันธมิตรของไต้หวันที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แถบมหาสมุทรแปซิฟิก ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม พร้อมแวะเยือนรัฐฮาวายและเกาะกวม ด้วยเหตุนี้ กต.ไต้หวันจึงได้มุ่งส่งเสริมให้นักศึกษาที่มาจากกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิม หรือคุ้นเคยกับวัฒนธรรมชนพื้นเมืองเป็นอย่างดี ร่วมลงทะเบียนสมัครกันเข้ามา เพื่อนำเสนอให้ประชาคมโลกประจักษ์เห็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมในมิติที่หลากหลายของไต้หวัน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมของเยาวชนแบบทวิภาคี
ในโอกาสนี้ นายเซียวกวงเหว่ย โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีและประธานคณะกรรมการบริหารประธานคณะกรรมการประสานความร่วมมือด้านการทูตสาธารณะ ยังได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ซึ่งเนื้อหาบทสัมภาษณ์ สามารถสรุปใจความได้สังเขป ดังนี้ :
ถาม : การที่นายหลินฉางจั่ว (Freddy Lim) ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนรัฐบาลไต้หวันในฟินแลนด์ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการผลักดันภารกิจทางการทูตอย่างกระตือรือร้นของนายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ใช่หรือไม่? การทูตเชิงวัฒนธรรมจะสวมบทบาทเช่นไร ในวาระตำแหน่งของผู้แทนหลินฯ? ภารกิจที่เรียงลำดับความสำคัญของการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – ฟินแลนด์ มีอะไรบ้าง ครอบคลุมในส่วนของการแบ่งปันประสบการณ์เชิงปฏิบัติที่ดีที่สุด รวมไปถึงการเอื้อประโยชน์แก่กันในด้านความยืดหยุ่นของภาคประชาสังคม และความมั่นคงแห่งชาติหรือไม่?
ตอบ : เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การเมืองเชิงภูมิรัฐศาสตร์ พวกเราต้องการเฟ้นหาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านต่างๆ เพื่อร่วมพิชิตภารกิจการทูต โดยจะอ้างอิงจากประวัติการศึกษาและประสบการณ์ด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชน วัฒนธรรมและความมั่นคง เป็นต้น เนื่องจากผู้แทนหลินฯ เคยดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติมาก่อนหน้านี้ จึงมีความเข้าใจต่อภารกิจทางการทูตอย่างถ่องแท้ ประกอบกับผู้แทนหลินฯ มีประสบการณ์การแลกเปลี่ยนบนเวทีนานาชาติด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล โดยเฉพาะด้านการทูตเชิงสิทธิมนุษยชน ซึ่งสอดคล้องกับการผลักดันการทูตค่านิยมที่รัฐบาลไต้หวันมุ่งให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เชื่อว่าหลังจากที่ผู้แทนหลินฯ เข้ารับตำแหน่งแล้ว พวกเราจะสามารถเปิดบริบทการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือที่เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ในด้านสิทธิมนุษยชนและวัฒนธรรม ระหว่างไต้หวัน – ฟินแลนด์ ได้อย่างแน่นอน
การผลักดัน “การทูตเชิงบูรณาการ” จำเป็นต้องอาศัยข้อได้เปรียบในด้านต่างๆ ของบุคลากรที่มีความสามารถรอบด้าน ในการร่วมสร้างคุณูปการทางการทูตให้แก่ไต้หวัน ตลอดจนร่วมผูกสัมพันธไมตรีกับมิตรสหายต่างชาติ พร้อมเผยให้เห็นถึงศักยภาพแบบบูรณาการของไต้หวัน เชื่อว่า ผู้แทนหลินฯ จะสามารถทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงการแลกเปลี่ยนระดับนานาชาติกับรัฐบาลฟินแลนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อว่าจะก่อเกิดเป็นผลสัมฤทธิ์ที่เด่นชัดในการผลักดันการทูตเชิงบูรณาการในระดับภูมิภาคยุโรปเหนือให้พวกเราได้เห็นกันต่อไป
ถาม : โปแลนด์เพิ่งปิดฉากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อช่วงที่ผ่านมา กต.ไต้หวันประเมินความสัมพันธ์ ระหว่างไต้หวัน – โปแลนด์ในอนาคตไว้เช่นไร? ที่ผ่านมา ไต้หวัน – โปแลนด์ มุ่งประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในประเด็นยูเครน จุดยืนของว่าที่ประธานาธิบดีโปแลนด์คนใหม่ที่มีต่อผู้ลี้ภัยชาวยูเครน จะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือในภายภาคหน้า ระหว่างไต้หวัน – โปแลนด์ หรือไม่?
ตอบ : กต.ไต้หวันรู้สึกยินดีที่เห็นโปแลนด์ปิดฉากการเลือกตั้งประธานาธิบดี ครั้งที่ 2 ภายใต้หลักการสันติภาพและประชาธิปไตย ลงอย่างราบรื่น บ่งชี้ให้เห็นถึงจิตวิญญาณของค่านิยมประชาธิปไตยและเจตนารมณ์ของภาคประชาชนส่วนรวม กต.ไต้หวันขอร่วมแสดงความยินดีกับ H.E. Karol Nawrocki ว่าทื่ประธานาธิบดีโปแลนด์คนใหม่ มา ณ โอกาสนี้ด้วย
นับตั้งแต่ปี 2565 ที่เกิดการปะทุขึ้นของสงครามรัสเซีย – ยูเครน เป็นต้นมา ไต้หวัน – โปแลนด์ได้ประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมาอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลไต้หวันได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ และเทศบาลท้องถิ่นของโปแลนด์อย่างกระตือรือร้น ทั้งสำนักงานคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (Governmental Strategic Reserves Agency, RARS) ที่จัดตั้งโดยรัฐบาลโปแลนด์ หน่วยงาน NGO ด้านการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม Polish Center for International Aid (PCPM) รวมถึงเทศบาลท้องถิ่นในกรุงวอร์ซอ (Warsaw) และเมืองคราคูฟ (Krakow) โดยพวกเราได้ร่วมกันแจกจ่ายเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ จัดหาที่พักอาศัยให้แก่ผู้ลี้ภัย และบูรณะซ่อมแซมสถานพยาบาลและแหล่งที่พักอาศัยของกลุ่มผู้ลี้ภัย ในอนาคต ไต้หวันจะยังคงประสานความร่วมมือกับโปแลนด์และประเทศรายรอบอย่างแข็งขันต่อไป เพื่อช่วยฟื้นฟูบูรณะดินแดนประเทศชาติให้แก่ยูเครน กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ววันต่อไป
พร้อมกันนี้ เซียวฯ ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไต้หวัน – โปแลนด์ ต่างยึดมั่นในค่านิยมด้านประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนร่วมกัน ตลอดจนร่วมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า การศึกษาและวัฒนธรรม ให้มุ่งสู่ทิศทางเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้ ไต้หวันจะมุ่งกระชับความร่วมมือกับโปแลนด์ในเชิงลึกต่อไป ภายใต้พื้นฐานที่มีอยู่เดิม เพื่อผลักดันโครงการการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร ทั้งนี้ เพื่อสร้างสวัสดิการและความผาสุกที่เพิ่มพูนมากขึ้นให้แก่ภาคประชาชนทั้งสองฝ่ายสืบไป