กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงเกษตร วันที่ 24 มี.ค. 68
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Ministry of Foreign Affairs, MOFA) และนายเฉินจวิ้นจี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร (Ministry of Agriculture, MOA) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ร่วมจัดการประชุมรัฐมนตรีขึ้น ณ ที่ทำการกระทรวงเกษตร โดยในระหว่างการประชุมครั้งที่ เจ้าหน้าที่สองกระทรวงได้ร่วมลงมติจัดตั้ง “คณะที่ปรึกษาอุตสาหกรรมเกษตรรูปแบบใหม่เชิงอัจฉริยะ” โดยจะบูรณาการศักยภาพของหน่วยงานภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการ รวมไปถึงทรัพยากรของภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องด้านการเกษตร แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณ “การทูตเชิงบูรณาการ” ในการร่วมผลักดัน “โครงการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร -การเกษตรรูปแบบใหม่เชิงอัจฉริยะ” โดยไต้หวันจะประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศพันธมิตรและบรรดามิตรประเทศ มุ่งเสริมสร้างการเกษตรแบบแม่นยำที่ผนวกรวมเทคโนโลยี AI และดิจิทัลเข้าสู่องค์ประกอบ การคาดการณ์สภาพอากาศด้านการเกษตร การเพาะเลี้ยงผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ระบบห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ด้านการเกษตร เป็นต้น โดยที่ผ่านมา คณะผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร ได้ผันแปรจากการส่งมอบความช่วยเหลือในต่างแดน สู่การจัดตั้งฐานต้นแบบในต่างประเทศ เมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศโลก และสภาพแวดล้อมทางการค้าในยุคโลกาภิวัตน์ ไต้หวันจะมุ่งพัฒนาแนวคิดและแผนกลยุทธ์รูปแบบใหม่ พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบความร่วมมือทางการเกษตรกับบรรดามิตรประเทศ ขณะเดียวกัน ก็มุ่งจัดตั้งกลไกความร่วมมือแบบเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพื่อที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับผลประโยชน์เชิงบวกร่วมกัน
การประชุมในครั้งนี้ รมว.หลินฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมกับรมว.เฉินฯ เพื่อร่วมหารือแนวทางการขยายขอบเขตโครงการความร่วมมือด้านการเกษตรกับกลุ่มประเทศพันธมิตรและบรรดามิตรประเทศ ควบคู่ไปกับการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจด้านการเกษตรแบบเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งประยุกต์ใช้องค์ประกอบทางเทคโนโลยี บูรณาการเข้าสู่กลไกความร่วมมือ กลไกการฝึกอบรมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ การจัดตั้งฐานต้นแบบ และการจับคู่การลงทุนของผู้ประกอบการภาคเอกชน เป็นต้น เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรภาคท้องถิ่น ในการเปลี่ยนผ่านสู่การยกระดับ อีกทั้งยังเป็นการยกระดับศักยภาพการผลิตและศักยภาพการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นการบ่มเพาะศักยภาพของเยาวชนการเกษตรแบบทวิภาคี และบุคลากรการเกษตรรูปแบบใหม่เชิงอัจฉริยะ อันจะนำไปสู่การยกระดับศักยภาพทางการแข่งขันที่เพิ่มพูนยิ่งขึ้นต่อไป
รมว.เฉินฯ เห็นด้วยและให้การสนับสนุนต่อข้อเสนอแนะในการจัดตั้ง “คณะที่ปรึกษาอุตสาหกรรมเกษตรรูปแบบใหม่เชิงอัจฉริยะ” พร้อมทั้งยื่นเสนอว่า ควรจัดตั้งคณะทำงานตามคุณสมบัติของภาคอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน เพื่อให้สอดรับต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ ตลอดจนยังสามารถจัดตั้งสถาบันการศึกษาด้านการเกษตรในพื้นที่ เพื่อเปิดช่องทางการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการเกษตรแบบทวิภาคีอย่างเป็นวาระสม่ำเสมอ ทั้งนี้ เพื่อพิชิตเป้าหมายการพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืนโดยเร็ววัน
นอกจากนี้ 2 รัฐมนตรียังได้พิจารณาร่างโครงการที่มีไฮไลท์ 3 รายการหลัก ประกอบด้วย การขยายขอบเขตความร่วมมือทางการเกษตร ระหว่างไต้หวัน - ฟิลิปปินส์ ภายใต้กรอบโครงสร้างของคณะทำงานด้านเศรษฐกิจและการทูตในสภาบริหาร ควบคู่กับการขยายกลไกความร่วมมือกับปาเลา ด้านการเพาะเลี้ยงรูปแบบอัจฉริยะ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาร่างความเป็นไปได้ในการประสานความร่วมมือกกับกลุ่มประเทศในพื้นที่ทะเลแคริบเบียน ในการจัดตั้งศูนย์เมล็ดพันธุ์ในระดับภูมิภาค
การเกษตรถือเป็นรากฐานทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทางอาหารของไต้หวัน รมว.หลินฯ ได้ยื่นเสนอแนวคิด “การเกษตรรูปแบบใหม่เชิงอัจฉริยะ” ภายใต้พื้นฐาน “โครงการนวัตกรรมอุตสาหกรรมแบบ 5+2” โดยจะขยายขอบเขตการประยุกต์ใช้ “AI” และ “แผนโซลูชันรูปแบบอัจฉริยะ” ในกระบวนการผลิต การบริหารจัดการและการประชาสัมพันธ์สู่ท้องตลาดของสินค้าการเกษตร พร้อมจับมือกับสหพันธ์เกษตรอัจฉริยะของกระทรวงเกษตร มุ่งพัฒนาขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านการเกษตรไปสู่ยุคอัจฉริยะที่ยั่งยืน
ในอนาคต MOFA – MOA จะประสานความร่วมมือกับหุ้นส่วนในทุกแวดวงอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยอัดฉีดเทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะให้แก่กลุ่มประเทศพันธมิตรและบรรดามิตรประเทศ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน และส่งเสริมให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ตลอดจนสร้างคุณูปการด้านการพัฒนาการเกษตรและความมั่นคงทางอาหารระดับสากล ภายใต้วิสัยทัศน์ “ความทรหดที่ยั่งยืน” ที่ยื่นเสนอโดยประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ควบคู่ไปกับการมุ่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรุกขยายสู่ตลาดนานาชาติ เพื่อการพิชิตเป้าหมาย “ดินแดนแห่งเศรษฐกิจที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน”
เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ก่อเกิดเป็นประเด็นความมั่นคงทางอาหารที่ทั่วโลกให้ความสนใจ และยิ่งนับวันแผนโซลูชัน smart total solution ที่เป็นตัวช่วยพัฒนาทางการเกษตร ก็ยิ่งได้รับความสนใจจากประชาคมโลกเพิ่มมากขึ้น โดยโครงการดังกล่าวคาดหวังที่จะผนวกเข้ากับการประเมินในรูปแบบความเชี่ยวชาญ และความร่วมมือทางเทคโนโลยี นำเสนอแผนโซลูชันที่ครอบคลุมที่ออกแบบมาเพื่อการเกษตร ภายใต้เสาหลัก 3 รายการ ประกอบด้วย “เทคโนโลยี บุคลากรและเงินทุน” และส่งมอบให้แก่กลุ่มประเทศพันธมิตรและบรรดามิตรประเทศ ผ่านกลยุทธ์การประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ริเริ่มเดินหน้าโครงการด้วยกลุ่มผู้ประกอบการภาคธุรกิจ การคำนึงถึงปัจจัยด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมไปถึงวัฏจักรหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ ในการรุกขยายเข้าสู่ตลาดในพื้นที่ ตลอดจนส่งเสริมให้การเกษตรรูปแบบใหม่เชิงอัจฉริยะของไต้หวัน ประสบความสำเร็จในการวางรากฐานในต่างประเทศได้อย่างราบรื่น