03/05/2025

Taiwan Today

สังคม

นรม.ไต้หวันเป็นประธานในการประชุมความเสมอภาคทางเพศ พร้อมแสดงความมุ่งมั่นในการปรับปรุงแก้ไขช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างเพศ และสร้างความสมดุลในสัดส่วนชาย - หญิงของเหล่าคณาจารย์ในรั้วสถาบันอุดมศึกษา พร้อมทั้งจัดเพิ่มห้องสุขาที่เป็นมิตรต่อทุกเพศสถานะ

01/05/2025
นรม.ไต้หวันเป็นประธานในการประชุมความเสมอภาคทางเพศ พร้อมแสดงความมุ่งมั่นในการปรับปรุงแก้ไขช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างเพศ และสร้างความสมดุลในสัดส่วนชาย - หญิงของเหล่าคณาจารย์ในรั้วสถาบันอุดมศึกษา พร้อมทั้งจัดเพิ่มห้องสุขาที่เป็นมิตรต่อทุกเพศสถานะ (ภาพจากสภาบริหาร)
สภาบริหาร วันที่ 30 เม.ย. 68
 
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรีไต้หวันได้ทำหน้าที่เป็นประธานใน “การประชุมคณะกรรมการด้านความเสมอภาคทางเพศ ภายใต้สภาบริหาร ครั้งที่ 32” พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งผลักดันนโยบายความเสมอภาคทางเพศ ควบคู่ไปกับการปรับปรุงพัฒนาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง อย่างกระตือรือร้น ซึ่งครอบคลุมทั้งการเปิดเผยข้อมูลอัตราค่าตอบแทนของพนักงานชาย - หญิงในอุตสาหกรรมทุกแขนงเป็นวาระประจำ การวางแผนผลักดันกลยุทธ์เพื่อการปรับปรุงแก้ไข การส่งเสริมให้สร้างความสมดุลในสัดส่วนชาย – หญิงของเหล่าคณาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาและวิทยาลัย และการจัดเพิ่มห้องสุขาที่เป็นมิตรต่อทุกเพศสถานะ ทั้งนี้ เพื่อร่วมสร้างสังคมที่มีความเท่าเทียมกันทางเพศ ภายใต้หลักการที่เคารพและยอมรับซึ่งกันและกัน
 
นรม.จั๋วฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า การเสริมสร้างความเสมอภาคทางเพศอย่างครอบคลุมและการจัดตั้งสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เป็นมิตรต่อกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลาย ถือเป็นประเด็นสำคัญในการวางนโยบายของรัฐบาล หลังจากที่นรม.จั๋วฯ รับฟังรายงาน “การสังเกตสถานการณ์ภาพรวมและการวิเคราะห์อัตราค่าตอบแทนระหว่างเพศ ผ่านข้อมูลเชิงมหัตของหน่วยงานราชการ” ที่จัดทำโดยสำนักงานสถิติและบัญชีกลางไต้หวัน ภายใต้สภาบริหารแล้ว จึงได้กล่าวว่า เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ทุกหน่วยงานในการวิเคราะห์แนวทางการแก้ไขปรับปรุงปัญหาช่องว่างค่าจ้างระหว่างเพศ นรม.จั๋วฯ จึงได้เรียกร้องให้สนง.สถิติและบัญชีกลางไต้หวัน จัดเตรียมข้อมูลสถิติเชิงวิเคราะห์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพศสถานะ เพื่อเป็นหลักอ้างอิงให้แก่กระทรวงแรงงาน คณะกรรมการกำกับดูแลสถาบันการเงินไต้หวัน (Financial Supervisory Commission, FSC) และหน่วยงานที่มีอำนาจ นำไปประกอบการพิจารณาต่อไป นอกจากนี้ ยังกำหนดให้จัดทำสถิติค่าตอบแทนของกลุ่มเปราะบางในสังคม อาทิ กลุ่มผู้ทุพพลภาพ กลุ่มชนพื้นเมือง เป็นต้น ควบคู่ไปด้วย เพื่อนำไปประกอบการพิจารณากลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างครอบคลุม
 
นรม.จั๋วฯ ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป รัฐบาลจะออกมาตรการให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์สูงกว่า 10,000 ล้านเหรียญไต้หวันขึ้นไป เปิดเผยข้อมูลตำแหน่งที่นอกเหนือจากระดับผู้บริหาร ค่าตอบแทนโดยเฉลี่ยของพนักงานประจำ และภาพรวมอัตราค่าตอบแทนของพนักงานทุกระดับชั้นในบริษัท พร้อมกันนี้ นรม.จั๋วฯ ยังได้กำชับให้ FSC เสริมสร้างการประชาสัมพันธ์สู่ภาคประชาชน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลในการปรับปรุงช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างเพศ นอกจากนี้ ยังกำชับให้ FSC ชี้แจงรายละเอียดให้สาธารณชนร่วมรับทราบเกี่ยวกับข้อมูลเชิงสถิติที่เปิดเผยโดยบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นระยะๆ
 
ต่อกรณีรายงานหัวข้อ “แนวทางการสร้างความสมดุลในสัดส่วนชาย - หญิงของเหล่าคณาจารย์ในรั้วสถาบันอุดมศึกษาและวิทยาลัย” ของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า ความเสมอภาคทางเพศถือเป็นค่านิยมหลักในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล จึงขอกำชับให้หน่วยงานข้างต้น ทำความเข้าใจกับสาเหตุของคณะเฉพาะทางที่มีคณาจารย์เพียงเพศสถานะเดียว พร้อมทั้งทำการประเมินจัดตั้ง “มาตรการพิเศษเพื่อการทดลองดำเนินการ” ภายใต้หลักการ “อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ” (The Convention on the Elimination of all Forms of Discrimination Against Women, CEDAW)
 
สำหรับ “รายงานสถานการณ์การจัดเพิ่มห้องสุขาที่เป็นมิตรต่อทุกเพศสถานะ” ที่ยื่นเสนอโดยกระทรวงสิ่งแวดล้อม นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมวิถีชีวิตที่เป็นมิตรและยอมรับต่อกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ จึงขอให้ก. สิ่งแวดล้อม ทำการประเมินสถานการณ์ความต้องการในการจัดตั้งห้องสุขาที่เป็นมิตรต่อทุกเพศสถานะในพื้นที่ต่างๆ และคำนึงถึงหลักการความสมดุล พร้อมทำการชี้แนะเขตพื้นที่ที่มีจำนวนห้องสุขาไม่เพียงพอ ตลอดจนเสริมสร้างกลไกการตรวจการณ์พิจารณาว่า สุขาที่จัดตั้งเพิ่มขึ้นมา สอดคล้องต่อหลักการที่เป็นมิตรต่อความเสมอภาคทางเพศหรือไม่
 
นอกจากนี้ นรม.จั๋วฯ ยังได้ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นที่สมาชิกสภานิติบัญญัติได้ระบุเกี่ยวกับการถูกเอารัดเอาเปรียบทางการเงินของกลุ่มผู้ตั้งถิ่นใหม่ที่เป็นสตรี หรือการที่ข้อมูลส่วนตัวและภาพถ่ายถูกนำไปเผยแพร่ผ่านช่องทงอินเทอร์เน็ต นรม.จั๋วฯ ขอกำชับให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรม เร่งจัดการปัญหาพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมาย และขอให้กระทรวงแรงงานเร่งเสริมสร้างหลักประกันสิทธิในการประกอบอาชีพของกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ แรงงานต่างชาติและกลุ่มผู้เปราะบางทางสังคม พร้อมทั้งขอให้ FSC เร่งเสริมสร้างการประชาสัมพันธ์มาตรการทางการเงินที่ครอบคลุมให้แก่กลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ นอกจากนี้ สภาบริหารยังมีมติผ่าน “ร่างกฎหมายการจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และได้รับความเห็นชอบให้ผ่านทั้ง 3 วาระ หลังจากที่ “คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” จัดตั้งขึ้นแล้ว จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างและบรรลุภารกิจการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน

ประเด็นร้อน

ประเด็นล่าสุด