กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 13 พ.ค. 68
เทศกาลศิลปะสิทธิมนุษยชนเกาะกรีน (Green Island Biennial) ประจำปี 2568 ที่จัดโดยพิพิธภัณฑ์สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวัฒนธรรมไต้หวัน จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวขึ้น ณ อุทยานรำลึกเหตุการณ์ความน่าสะพรึงสีขาวในเขตจิ๋งเหม่ย (Jing-Mei White Terror Memorial Park) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในช่วงระหว่างกิจกรรม นอกจากจะมีการประกาศรายชื่อกิจกรรมและผลงานของศิลปินที่ส่งเข้าร่วมจัดแสดงจากทั้งในและต่างประเทศ รวมจำนวน 23 กลุ่มแล้ว ยังได้มีการจัดการประชุมเสวนาระดับนานาชาติขึ้นเป็นครั้งแรก หลังเสร็จสิ้นงานแถลงข่าว โดยได้ติดต่อเชิญ Mr. Jeauk Lucas Kang ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และภัณฑารักษ์เทศกาลศิลปะ Jeju Biennale ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกสองปีในเกาะเชจูของเกาหลีใต้ และเหล่าศิลปินจากนานาประเทศทั่วโลกที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เข้าร่วมเปิดการเสวนากันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ร่างกายและความทรงจำ
เทศกาล Green Island Biennial 2568 จัดขึ้นภายใต้ธีม “ระยะทาง 149 ไมล์ทะเล : การฉุดรั้งความทรงจำ” (Duration of 149 Sea Miles : The Struggle of Memory against Forgetting) ในการสะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เหยื่อการเมือง ถูกคุมตัวจากท่าเรือจีหลงไปยังเกาะกรีน ในปี พ.ศ. 2494 โดยอาศัยผลงานศิลปะในการสะกิดความทรงจำและบาดแผลในจิตใจที่เกิดขึ้นบนเกาะแห่งนี้ โดยในปีนี้มุ่งเน้นไปที่ “การข้ามทะเลไปสู่พื้นที่เกาะ” ด้วยการติดต่อเชิญศิลปินทั้งในและต่างประเทศ จำนวน 23 กลุ่มเข้าร่วม โดยในจำนวนนี้ มีศิลปินชาวต่างชาติ 7 กลุ่มที่มาจากเฮติ โครเอเชีย มาเลเซีย ฮ่องกง อินโดนีเซียและเวียดนาม ร่วมนำเสนอผลงานหลากหลายรูปแบบ อาทิ วีดิทัศน์ ผลงานประดิษฐ์ ภาพวาด เสียงและคลังเอกสาร เป็นต้น โดยอาศัยผลงานศิลปะเข้าช่วยในการย้อนสำรวจความทรงจำและการต่อต้านทางประวัติศาสตร์ ควบคู่ไปกับการพิจารณาอภิปรายในประเด็นสิทธิมนุษยชนร่วมสมัยในปัจจุบัน
Mr. Takamori Nobuo ภัณฑารักษ์ที่จัดงานครั้งนี้ กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2494 เหล่านักโทษทางการเมืองกลุ่มแรก ได้ถูกส่งตัวจากท่าเรือจีหลง ไปสู่เกาะกรีน ซึ่งมีระยะทางรวม 149 ไมล์ทะเล เกาะแห่งนี้เปรียบเสมือนกำแพงหนาทึบที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง โดยไต้หวันในยุคสมัยแห่งความหวาดกลัว หรือความน่าสะพรึงกลัวสีขาว (White Terror) ก็เปรียบเสมือนเกาะที่ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอก ประชาชนต่างถูกบังคับให้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ภายใต้การประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งก็เปรียบเสมือนการถูกกักขังอยู่ในพื้นที่เกาะกรีนของเหยื่อทางการเมือง การถูกปิดกั้นในเรื่องปริภูมิ – เวลา อาจทำให้ประวัติศาสตร์ถูกหลงลืม เราจึงต้องอาศัยผลงานศิลปะ มาเป็นตัวช่วยในการย้อนรำลึกเวลา เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นหลังสามารถส่งต่อความทรงจำในห้วงอดีต ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
นายหลี่หย่วน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2494 เป็นวันที่นักโทษการเมืองถูกคุมตัวไปยังเกาะกรีน ในยุคสมัยนั้น สังคมของไต้หวันถูกปิดกั้นจากโลกภายนอก ประชาชนถูกจำกัดมิให้ออกเดินทางออกนอกประเทศ และไม่สามารถรับฟังข่าวสารจากสื่อต่างๆ ได้อย่างเสรี “พวกเราไม่รู้จักเรื่องราวทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของไต้หวันเลย เสมือนโดนปิดหูปิดตา” รมว.หลี่ฯ กล่าวว่า ผู้คนในสมัยของผม เติบโตขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ซึ่งนอกจากจะหลงลืมเหตุการณ์ความน่าสะพรึงสีขาวแล้ว ยังหลงลืมประวัติศาสตร์ของไต้หวันในภาพรวมอีกด้วย
รมว.หลี่ฯ กล่าวว่า ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตนนอกจากจะใส่ใจต่อการพัฒนาทางอุตสาหกรรมศิลปะ ภาพยนตร์และสื่อสิ่งพิมพ์แล้ว สิ่งที่รมว.หลี่ฯ ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือประเด็นสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ ในวาระตำแหน่งของรมว.หลี่ฯ ได้มุ่งเน้นไปที่การผลักดันค่านิยมทางสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถผนึกกำลังร่วมกับประเทศทั่วโลกที่ยึดมั่นในค่านิยมเดียวกัน นอกจากนี้ รมว.หลี่ฯ ยังหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะขยายขอบเขตกิจกรรมของพิพิธภัณฑ์สิทธิมนุษยชน ให้เป็นที่รับทราบในวงกว้าง ตลอดจนคาดหวังที่จะเห็นเทศกาลภาพยนตร์สิทธิมนุษยชนนนานาชาติ ก้าวสู่การเป็นรองเพียงเทศกาลภาพยนตร์ไทเป (Taipei Film Festival) และรางวัลม้าทองคำ (Golden Horse Awards)
หนึ่งในไฮไลท์ของเทศกาลในครั้งนี้ คือผลงาน “N22.40” ที่สร้างสรรค์โดยหวังเต๋ออวี๋ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการร่วมแบ่งปันของบรรพบุรุษไช่คุนหลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในเหยื่อการเมืองของเหตุการณ์ความน่าสะพรึงสีขาว โดยในช่วงที่ไช่ฯ ยังมีชีวิตอยู่ เขาได้พรรณนาถึงผลงานของหวังฯ ว่าเป็น “อิสรภาพและความสุขที่โอบล้อมไว้ในน่านน้ำเกาะกรีน” ซึ่งความทรงจำในช่วงเวลาเหล่านี้ ได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงาน “N22.40”
นอกจากนี้ คณะศิลปินจากมาเลเซีย Pangrok Sulap ก็ได้นำเสนอผลงานจิตรกรรมบนแผ่นไม้ขนาดใหญ่ ในชื่อ “มอบแด่เสรีภาพ ใจที่มุ่งหวัง” เพื่อบอกเล่าถึงความทรหด ความฝันและการต่อสู้ของผู้ที่ถูกคุมขังในยุคสมัยแห่งความหวาดกลัว ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้เข้าเยี่ยมชม