คณะกรรมการกิจการจีนแผ่นดินใหญ่ วันที่ 29 พ.ค. 68
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกิจการจีนแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน (Mainland Affairs Council, MAC) ได้ประกาศผลการสำรวจความคิดเห็นของภาคประชาชน ผลสำรวจพบว่า ภาคประชาชนชาวไต้หวันต่างให้การสนับสนุนจุดยืนนโยบายความสัมพันธ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวันของประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ และการปฏิวัติระบบกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่รัฐบาลมุ่งผลักดันเพื่อการป้องกันประเทศ ทั้งนี้ เพื่อสกัดกั้นการถูกโจมตีด้วยการแทรกซึมจากจีน ขณะเดียวกัน ภาคประชาชนต่างก็แสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลจีนที่ประกาศใช้ “หลักการจีนเดียว” ในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวันและพื้นที่บนเวทีนานาชาติ ขัดขวางไต้หวันมิให้เข้ามีส่วนร่วมในกิจกรรม ภายใต้องค์การอนามัยโลก (WHO) รวมไปถึงพฤติกรรมการข่มขู่ไต้หวันด้วยกำลังทหารจากจีน ซึ่งผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า เสียงส่วนใหญ่ของภาคประชาชนให้การยอมรับต่อแผนข้อเสนอของรัฐบาลด้านการธำรงปกป้องอำนาจอธิปไตยและความมั่นคงแห่งชาติ และไม่เห็นด้วยต่อการที่จีนสร้างแรงกดดันลูกผสมต่อไต้หวัน
MAC แถลงว่า เสียงประชาชนกว่าร้อยละ 70 (69.4%) ต่างให้การสนับสนุน ปธน.ไล่ฯ ที่ยึดมั่นในจุดยืนว่า เพียงแค่เคารพในศักดิ์ศรีซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียม ไต้หวันยินดีที่จะแลกเปลี่ยนและประสานความร่วมมือกับรัฐบาลจีน ผ่านการแลกเปลี่ยนแทนที่การปิดล้อม การเสวนาแทนที่การยืนกรานในทิศทางฝั่งตรงข้าม และมีเสียงส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 86 (86.8%) ที่ให้การสนับสนุนปธน.ไล่ฯ ในการเรียกร้องให้รัฐบาลจีนตระหนักถึงข้อเท็จจริงในการดำรงอยู่ของไต้หวัน พร้อมทำความเข้าใจว่า ภาคประชาชนชาวไต้หวันต้องการมีวิถีชีวิตในรูปแบบประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชน และเสียงเกือบร้อยละ 90 (89%) ที่เห็นด้วยต่อการยื่นเสนอของรัฐบาลไต้หวันที่ว่า รัฐบาลสองฝั่งช่องแคบไต้หวันควรต้องเคารพซึ่งกันและกัน และร่วมเปิดการเจรจาโดยปราศจากซึ่งเงื่อนไขทางการเมือง ร้อยละ 70 (70.5%) ให้การสนับสนุนการผลักดันการปฏิรูประบบกฎหมายความมั่นคงของรัฐบาลไต้หวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้แนวร่วมของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก่อสงครามและแทรกซึมเข้ามาในไต้หวัน นอกจากนี้ เสียงความคิดเห็นในสัดส่วนกว่าร้อยละ 70 (70%) ที่ให้การสนับสนุนกฎข้อระเบียบของรัฐบาลที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่ข้าราชการ ทั้งนายทหาร ตำรวจและอาจารย์ของไต้หวัน ไม่สามารถยื่นขออนุมัติใบรับรองการเป็นพลเมืองของจีนได้ และเกือบร้อยละ 60 (57.9%) ที่สนับสนุนข้อเรียกร้องของรัฐบาลไต้หวัน ที่กำหนดให้คู่สมรสชาวจีน ต้องยื่นแสดงหลักฐานการถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้านในจีนแผ่นดินใหญ่ของตน
MAC ระบุว่า ประชาชนในสัดส่วนร้อยละ 86 (86.2%) ไม่เห็นด้วยต่อการที่จีนส่งเครื่องบินหรือเรือรบ เข้าทำการซ้อมรบในพื้นที่รายรอบไต้หวัน หรือรุกล้ำเข้าสู่เส้นกึ่งกลางช่องแคบไต้หวัน และมีเสียงของประชาชนเกือบร้อยละ 80 ที่ไม่เห็นด้วยต่อการที่ตัวแทนรัฐบาลจีน ประกาศย้ำบนเวทีนานาชาติว่า “ปัญหาของไต้หวัน” ถือเป็นเรื่องการเมืองภายในของจีน อีกทั้งจีนยังเรียกร้องให้นานาประเทศทั่วโลก เคารพตาม “หลักการจีนเดียว” (ซึ่งครองสัดส่วนเสียง 79.3%) และไม่เห็นด้วยที่จีนกล่าวอ้างว่าอนาคตของไต้หวัน คือการรวมแผ่นดินเข้ากับจีน (ซึ่งครองสัดส่วนเสียง 79.4%) นอกจากนี้ ยังมีอีก 73.1% ที่ไม่เห็นด้วยต่อการที่จีนชูเงื่อนไขข้อเสนอว่า ไต้หวันต้องยอมรับ “ฉันทามติ 1992” ที่ระบุไว้ว่า สองฝั่งช่องแคบไต้หวันล้วนเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทั้งสองฝ่ายจึงจะสามารถเปิดการเจรจาร่วมกันได้ นอกจากนี้ ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่า มีประชาชนเกือบร้อยละ 80 (78.8%) ที่ไม่เห็นด้วยต่อการที่รัฐบาลจีนเข้าขัดขวางมิให้ไต้หวันเข้าร่วมในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) พร้อมทั้งกล่าวอ้างว่า สิทธิมนุษยชนด้านสุขภาพของประชาชนชาวไต้หวัน ได้รับหลักประกันอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว และมีอีก 87.1% ที่ให้การสนับสนุนรัฐบาล ที่ยื่นเสนอว่าประชาชนชาวไต้หวันควรได้รับสิทธิเชิงสุขภาพเท่าเทียมกับมวลมนุษยชาติทั่วโลก ไม่ควรถูกกีดกันให้อยู่นอกระบบกลไกด้านสุขภาพระดับสากล อย่างเช่น WHO
MAC เน้นย้ำว่า การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ขึ้นอยู่กับการเคารพซึ่งกันและกัน และการส่งมอบความปรารถนาดีต่อกันทั้งสองฝ่าย รัฐบาลไต้หวันจะยังคงยึดมั่นในจุดยืนการธำรงรักษาสถานภาพเดิมในปัจจุบัน และผลักดันการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน คงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลปักกิ่งตระหนักเห็นถึงความปรารถนาดีของรัฐบาลไต้หวัน และเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า “สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน มิได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน” รวมถึงเคารพเสียงความคิดเห็นของภาคประชาชนชาวไต้หวัน ด้วยการเปิดการเจรจากับรัฐบาลไต้หวัน ในการร่วมแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ทั้งนี้ เพื่อร่วมแสวงหาสันติภาพ การเอื้อประโยชน์แก่กัน และการสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่กันในช่องแคบไต้หวัน ให้เกิดความยั่งยืนสืบต่อไป
ผลการสำรวจข้างต้น MAC ได้มอบหมายให้บริษัท Taiwan Real Survey เป็นหน่วยงานปฏิบัติภารกิจ โดยได้โทรศัพท์ติดต่อประชาชนชาวไต้หวัน ที่มีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป ในช่วงระหว่างวันที่ 22 – 24 พฤษภาคม 2568 โดยมีฐานข้อมูลที่น่าเชื่อถือรวมทั้งสิ้น 1,094 ฉบับ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95% มีข้อผิดพลาดในการสุ่มตัวอย่าง ไม่เกิน ±2.99%