กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 23 ก.ค. 68
เพื่อการบูรณาการทรัพยากรและความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์สาธารณสุข ควบคู่ไปกับการผนึกกำลังของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – ประเทศพันธมิตรและกลุ่มมิตรประเทศ ภายใต้โครงการความร่วมมือทางการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ (MOHW) และกระทรวงการต่างประเทศ (MOFA) ของไต้หวัน จึงได้ร่วมจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 พร้อมลงมติเห็นชอบจัดตั้ง “คณะที่ปรึกษาด้านการแพทย์สาธารณสุขและการต่างประเทศ” แบบข้ามหน่วยงาน โดยเจ้าหน้าที่สองกระทรวงได้ร่วมพิจารณาหารือ และคัดเลือกสมาชิกคณะที่ปรึกษาร่วมกัน พร้อมทั้งจัดรวบรวมรายชื่อโครงการความร่วมมือทางการแพทย์นานาชาติของไต้หวันที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นหลักอ้างอิงในการร่างพิจารณาและผลักดันนโยบายในลำดับต่อไป
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา กต.ไต้หวัน - สธ.ไต้หวัน ร่วมจัดการประชุม “คณะที่ปรึกษาด้านการแพทย์สาธารณสุขและการต่างประเทศ” ขึ้นเป็นครั้งแรก สมาชิกที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย ตัวแทนสถาบันการแพทย์ภายในประเทศที่เข้าร่วมในโครงการความร่วมมือทางการแพทย์ระดับนานาชาติ ตัวแทนอุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ และสมาคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในการก่อตั้ง “ทีมชาติไต้หวันด้านการแพทย์และสาธารณสุข” ขึ้นอย่างเป็นทางการ
ในระหว่างการประชุม เจ้าหน้าที่กต.ไต้หวัน ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเป้าหมายและกลยุทธ์การนำเทคโนโลยีการแพทย์อัจฉริยะของไต้หวันไปประยุกต์ใช้ในต่างแดน นอกจากนี้ ตัวแทนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของไต้หวัน (Taiwan ICDF) ยังได้เข้าร่วมแบ่งปันสถานการณ์ความคืบหน้าล่าสุดของ “โครงการยกระดับประสิทธิภาพการบริหารระบบสารสนเทศทางการแพทย์” ที่ไต้หวันมุ่งผลักดันในปารากวัย
นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะบูรณาการข้อได้เปรียบทางความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์อัจฉริยะของไต้หวัน เข้ากับประสบการณ์ความร่วมมือด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่มุ่งผลักดันโดย สธ.ไต้หวัน และ Taiwan ICDF ควบคู่ไปกับการขยายขอบเขตการยื่นเสนอแผนโซลูชันด้านการแพทย์อัจฉริยะให้แก่ประเทศพันธมิตรและบรรดามิตรประเทศ ตลอดจนส่งเสริม “การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยการแพทย์” เพื่อรุกขยายตลาดและโอกาสทางธุรกิจระดับนานาชาติ
การก่อตัวขึ้นของ “คณะที่ปรึกษาด้านการแพทย์สาธารณสุขและการต่างประเทศ” จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระบบการแพทย์สาธารณสุขในกลุ่มประเทศพันธมิตร อันจะเป็นการยกระดับสวัสดิการและความผาสุกให้แก่ภาคประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อพิชิตเป้าหมาย “การถนอมรักษาความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตร” และ “การส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองในประเทศพันธมิตร” นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ยังได้ยื่นเสนอแผนโซลูชันด้านการแพทย์อัจฉริยะ โดยหวังที่จะขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องของไต้หวัน วางรากฐานไปสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อยกระดับการมองเห็นและบทบาทของไต้หวันบนเวทีการแพทย์นานาชาติ
เพื่อบรรลุเป้าหมายในการเป็น “ดินแดนแห่งเศรษฐกิจที่พระอาทิตย์ไม่ตกดิน” ที่ยื่นเสนอโดยประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ พร้อมเสริมสร้างบทบาทสำคัญของไต้หวันในระบบห่วงโซ่อุปทานเชิงค่านิยมประชาธิปไตย กต.ไต้หวันจึงได้มุ่งผลักดัน “โครงการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร” อย่างกระตือรือร้น เพื่อส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ทางความร่วมมือ ระหว่างไต้หวัน – ประเทศพันธมิตรและกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ดำเนินไปในทิศทางเชิงลึกต่อไป