กระทรวงสิ่งแวดล้อม วันที่ 22 ก.ค. 68
กลไกราคาคาร์บอน (Carbon Pricing) นอกจากจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานสีเขียว ในปัจจุบัน กระทรวงสิ่งแวดล้อมไต้หวัน (MOENV) ได้ทำการยื่นเสนอแนวทางการบังคับใช้กลไกราคาคาร์บอน โดยในอนาคตจะนำไปบูรณาการร่วมกับ “ระบบภาษีคาร์บอน” และ “ระบบการซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” (Emission Trading System, ETS) เพื่อส่งเสริมให้กลไกราคาคาร์บอนและกลไกการตลาด หลอมรวมก่อเกิดเป็นมาตรการราคาคาร์บอนที่ครอบคลุมสมบูรณ์ ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของภาคอุตสาหกรรมอย่างมีเสถียรภาพ ควบคู่ไปกับการผลักดันพัฒนาพลังงานสีเขียวอย่างยั่งยืน
การประชุมผู้ประกอบการนานาชาติ ประจำปี 2568 ในหัวข้อกลยุทธ์การกำหนดราคาคาร์บอนที่เชื่อมโยงสู่โลกนานาชาติ (International Business Forum : Pricing Forward, Aligning Global Strategies) ที่เปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ได้ติดต่อเชิญตัวแทนเจ้าหน้าที่หอการค้ายุโรปประจำไต้หวัน (European Chamber of Commerce TAIWAN, ECCT) หอการค้าไต้หวัน-สหรัฐฯ (AmCham Taiwan) รวมถึงตัวแทนผู้ประกอบการต่างชาติและเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนกันในประเด็นการกำหนดราคาคาร์บอน ความท้าทายของการเปลี่ยนผ่านทางอุตสาหกรรม และโอกาสความร่วมมือระดับนานาชาติ เป็นต้น โดยหวังที่จะอาศัยประสบการณ์จากต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นหลักอ้างอิงสำคัญในการผลักดันภารกิจที่เกี่ยวข้องในลำดับต่อไป
นายเผิงฉี่หมิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมไต้หวัน ระบุว่า กลไกราคาคาร์บอน นอกจากจะเป็นกลยุทธ์การบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญแล้ว ยังเป็นแรงขับเคลื่อนไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO) อีกด้วย ไต้หวันครองบทบาทสำคัญด้านการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงและระบบห่วงโซ่อุปทาน ที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลายาวนาน อีกทั้งยังมีศักยภาพสำคัญในการพัฒนาพลังงานสีเขียว ซึ่งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ไต้หวันได้มีการบังคับใช้มาตรการระบบการจัดเก็บภาษีคาร์บอนอย่างเป็นทางการ โดยรัฐบาลจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคาร์บอนจากผู้ประกอบการภาคธุรกิจการผลิตที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกิน 25,000 เมตริกตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี พร้อมทั้งยื่นเสนออัตราค่าธรรมเนียมรูปแบบพิเศษ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขานรับต่อมาตรการการลดก๊าซเรือนกระจก และเข้าลงทุนในนวัตกรรมคาร์บอนต่ำและการเปลี่ยนผ่านสีเขียว นอกจากนี้ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รมว.เผิงฯ ได้นำคณะตัวแทนสมาชิกพันธมิตร Green Growth Alliance เดินทางเยือนเยอรมนี เพื่อเข้าร่วมค่ายกิจกรรมฝึกอบรมว่าด้วยเรื่องกลไกราคาคาร์บอน เพื่อเรียนรู้และซึมซับประสบการณ์โดยตรงจากประเทศต้นแบบ รมว.เผิงฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเปิดการทดลองดำเนินการตามหลักการ ETS ในปี 2569 ด้วยเหตุนี้ รมว.เผิงฯ จึงได้กระตุ้นให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเปิดการเสวนาและแลกเปลี่ยนความรู้ ควบคู่กับการยกระดับความโปร่งใสของข้อมูลและการปฏิบัติการตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence - Based) ตลอดจนเสริมให้ทุกฝ่ายที่มีผลประโยชน์ร่วมกันและภาคประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมการประชุมที่จัดโดย MOENV พร้อมเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ทางการของ MOENV เพื่อรับข้อมูลข่าวสารล่าสุดที่มีความถูกต้องชัดเจน
MOENV แบ่งปันแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และกลยุทธ์ราคาคาร์บอนของไต้หวัน ในระหว่างการประชุม พร้อมระบุว่า แม้สหรัฐฯ จะถอนตัวจาก “ความตกลงปารีส” (Paris Agreement) แล้ว แต่ตราบจนปัจจุบัน หลายประเทศทั่วโลกก็ยังมิได้ปรับเปลี่ยนนโยบายที่มีอยู่เดิม หรือเปลี่ยนทิศทางนโยบายครั้งสำคัญ
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการค้าโลก อาทิ มาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐฯ ไต้หวันจะยังคงเดินหน้าพิชิตเป้าหมาย NET ZERO ในทิศทางการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและพลังงานสีเขียว ด้วยการร่างพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องตามแนวโน้มระหว่างประเทศ พร้อมจัดสรรงบประมาณและกลไกจูงใจ ปลูกฝังบุคลากรที่มีความสามารถด้านสิ่งแวดล้อมบ่ ควบคู่ไปกับการประยุกต์ใช้เครื่องมือกลไกราคาคาร์บอน ควบคู่ไปกับการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะและจัดเวทีการเสวนาในภาคประชาสังคม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพลิกวิกฤตความท้าทายให้เป็นโอกาส ก้าวไปสู่หนทางข้างหน้าอย่างมีเสถียรภาพ
ในระหว่างการประชุม เจ้าหน้าที่กระทรวงเศรษฐการไต้หวัน (MOEA) ได้ทำการชี้แจงแนวทางการบริหารกลไกราคาคาร์บอน และการเปลี่ยนผ่านสู่ NET ZERO ให้สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการ ที่มุ่งผลักดันโดยภาครัฐ พร้อมทั้งอธิบายว่า ภายใต้การขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าว ตราบจนปัจจุบัน ได้มีการจัดการฝึกอบรมบุคลากร และการชี้แนะแนวทางการประหยัดพลังงาน รวมหลายรายการ เพื่อส่งมอบการสนับสนุนให้แก่ภาคธุรกิจ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทาย ระหว่างการเปลี่ยนผ่าน โดยในอนาคต MOEA – MOENV จะจับมือกันขยายขอบเขตระบบการจัดเก็บภาษี และร่วมบูรณาการทรัพยากรการเรียนรู้ ควบคู่ไปกับการปลูกฝังบุคลากรที่มีคุณภาพ ส่งเสริมนวัตกรรมทางอุตสาหกรรม ตลอดจนช่วยให้ภาคธุรกิจ ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสู่รูปแบบอัจฉริยะ และการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อสรุปในการประชุมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมบรรยายต่างเห็นตรงกันว่า กลไกราคาคาร์บอน เป็นประเด็นที่ทั่วโลกเฝ้าจับตา ไม่ว่าจะสำหรับกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ หรืออุตสาหกรรมสำคัญภายในประเทศ ต่างก็ต้องการนโยบายที่มีเสถียรภาพและดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน แพลตฟอร์มข้อมูลที่เปิดเผยและโปร่งใส รวมถึงแนวทางการพัฒนาที่เชื่อมโยงสู่โลกนานาชาติ เพื่อส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมปรับตัวไปสู่ทิศทางที่สอดคล้องต่อการคำนึงถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และแนวโน้มทางเศรษฐกิจ - การค้าในระดับสากล