16/06/2025

Taiwan Today

เศรษฐกิจ

การนำคณะตัวแทนเดินทางเข้าร่วมการประชุม SelectUSA ของเลขาธิการสภาบริหารไต้หวัน ปิดฉากลงอย่างราบรื่น

15/05/2025
การนำคณะตัวแทนเดินทางเข้าร่วมการประชุม SelectUSA ของเลขาธิการสภาบริหารไต้หวัน ปิดฉากลงอย่างราบรื่น (ภาพจากสภาบริหาร)
สภาบริหาร วันที่ 14 พ.ค. 68
 
เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ตามเวลาในเขตตะวันออกของสหรัฐฯ นายกงหมิงซิน เลขาธิการสภาบริหารไต้หวัน ได้เดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อเข้าร่วม “การประชุม SelectUSA Investment Summit” โดยเลขากงฯ กล่าวว่า การเข้าร่วมในครั้งนี้ได้รับข้อคิดและอานิสงส์มากมาย ซึ่งนอกจากจะร่วมแลกเปลี่ยนและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ประกอบการรายใหญ่และผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ที่มาเข้าร่วมแล้ว ยังได้เข้าพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานสภาบริหารและสมาชิกรัฐสภาของสหรัฐฯ เพื่อชี้แจงให้เห็นว่า SelectUSA เป็นเวทีที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรม
 
การประชุมเสวนารอบแรกหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดการประชุม SelectUSA ประจำปีนี้ มี Ms. Kelly Loeffler ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของสหรัฐฯ (U.S. Small Business Administration, SBA) ทำหน้าที่เป็นประธานในพิธีฯ โดยมีผู้เข้าร่วมบรรยายที่ประกอบด้วย ตัวแทนภาคธุรกิจที่มาจากบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) ของเยอรมนี บริษัทซีเมนส์ (Siemens) และบริษัท GlobalWafers โดยเลขากงฯ กล่าวว่า นี่เป็นสัญญาณอันดีที่สื่อให้เห็นว่า ความมุ่งมั่นในการรุกขยายรากฐานการลงทุนสู่สหรัฐฯ ของผู้ประกอบการไต้หวัน ได้รับการมองเห็นและให้ความสำคัญจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แล้ว พร้อมกันนี้ เลขากงฯ ยังได้ระบุว่า มีผู้ประกอบการไต้หวันหลายรายที่ได้ประกาศแผนการลงทุนรูปแบบใหม่ในสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ จึงหวังที่จะเห็นวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติเห็นชอบญัตติกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าด้วยการหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้ำซ้อน ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ โดยเร็ววัน ซึ่งนอกเหนือจากการลงทุนแล้ว ไต้หวันยังได้เพิ่มการจัดซื้อจากสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมให้เกิดดุลการค้าที่สมดุลแบบทวิภาคี นอกจากนี้ เลขากงฯ ยังได้ชี้ชัดจุดยืนต่อเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่า ยิ่งสหรัฐฯ แข็งแกร่งมากขึ้นเพียงใด ไต้หวันก็ยิ่งมีความมั่นคงปลอดภัยเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน หากไต้หวันยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเพียงใด ก็จะยิ่งสามารถบรรเทาภาระของสหรัฐฯ ไปได้มากขึ้นเท่านั้น จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือกันในการส่งเสริมให้เกิดความยิ่งใหญ่ต่อไป
 
ในส่วนของความร่วมมือที่เปี่ยมศักยภาพ ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ เลขากงฯ กล่าวว่า หลังจากที่สงครามการค้าสหรัฐฯ - จีน ปะทุขึ้นในปี 2561 ส่งผลให้ทั่วโลกทำการปรับโครงสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานขึ้นใหม่ โดยผู้ประกอบการไต้หวันได้กลับเข้าสู่การลงทุนภายในประเทศ หรือโอนฐานธุรกิจไปสู่กลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นไม่นาน ทั่วโลกก็ประสบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ซึ่งก็ทำการปรับโครงสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานให้มีความยืดหยุ่น ตามการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ เลขากงฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจโลก และความทรหดของระบบห่วงโซ่อุปทาน ได้รับการยกระดับเพิ่มขึ้นในวาระสมัยที่ 2 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาทิ การจัดตั้ง “ระบบห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมสำคัญที่เป็นอิสระจากการพึ่งพาจีน” รวมไปถึงการควบคุมการส่งออก การป้องกันการขนถ่ายสินค้าโดยผิดกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งไต้หวันสามารถสวมบทบาทสำคัญในการประสานความร่วมมือกับฝ่ายเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ
 
เลขากงฯ แถลงว่า รัฐบาลสหรัฐฯ หวังที่จะฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้สหรัฐฯ ผงาดขึ้นอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง เชื่อว่าไต้หวันจะสามารถสวมบทบาทในการช่วยสนับสนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่มีเงื่อนไขที่ว่า ภาคธุรกิจของไต้หวันต้องได้รับโอกาสในการเข้าแข่งขันอย่างเป็นธรรมในเวทีนานาชาติ ควบคู่ไปกับการที่ระบบเศรษฐกิจของไต้หวัน จะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พวกเราจึงจะมีความสามารถในการเข้าลงทุนและจัดซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ได้อย่างยั่งยืน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นรัฐบาลสหรัฐฯ นำปัจจัยข้างต้นพิจารณาเข้าสู่การกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นการลบล้างการปล่อยข่าวโคมลอยของผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ตลอดจนคาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นการเจรจาด้านภาษี ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ บังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดี
 
ในระหว่างนี้ เลขากงฯ ยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ ระหว่างนายลวี่จี๋เฉิง ประธานสมาคมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของไต้หวัน และ Mr. Rupert Hammond-Chambers ประธานสภาธุรกิจ สหรัฐฯ - ไต้หวัน (U.S.-Taiwan Business Council) โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้ง 2 หน่วยงานข้างต้นร่วมกันผลักดันความสัมพันธ์ทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

ประเด็นร้อน

ประเด็นล่าสุด