06/12/2025

Taiwan Today

การเมือง

ปธน.ไล่ฯ ให้สัมภาษณ์แก่ พิธีกรรายการ DealBook Summit ของหนังสือพิมพ์ The New York Times

04/12/2025
ปธน.ไล่ฯ ให้สัมภาษณ์แก่ พิธีกรรายการ DealBook Summit ของหนังสือพิมพ์ The New York Times (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 4 ธ.ค. 68

เมื่อช่วงที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Andrew Ross Sorkin พิธีกรรายการ DealBook Summit ของหนังสือพิมพ์ The New York Times โดยปธน.ไล่ฯ ได้ตอบข้อซักถามต่อประเด็นกลาโหม , ความสัมพันธ์ช่องแคบไต้หวัน , ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ , สงครามรัสเซีย – ยูเครนและอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เป็นต้น โดยบทสัมภาษณ์ได้รับการเผยแพร่ไปเมื่อช่วงรุ่งสางของวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา
 
DealBook Summit มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการเสวนาระหว่างผู้นำในทุกแวดวง รวมถึงการแบ่งปันมุมมองและการวิเคราะห์สถานการณ์ระหว่างประเทศ โดยการประชุมในครั้งนี้ได้จัดขึ้น ณ นครนิวยอร์กในวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามเวลาในเขตตะวันออกของสหรัฐฯ
 
สาระสำคัญของบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ สรุปโดยสังเขปได้ ดังนี้ :

ถาม : ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ปธน.ไล่ฯ ได้ประกาศปรับเพิ่มงบประมาณกลาโหมของไต้หวันขึ้นเป็นจำนวน 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไต้หวันจะนำงบประมาณนี้จัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อสกัดกั้นการรุกรานไต้หวันของจีน ไม่ทราบว่าปธน.ไล่ฯ มองเห็นพฤติกรรมใดที่เป็นการบ่งชี้ว่า อาจเกิดภัยคุกคามจากจีน ที่กำลังทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ?
 
ตอบ : การฝึกซ้อมรบทางทหารที่จีนมีกระทำต่อไต้หวัน นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และได้ทะลวงผ่านพื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 1 ไปสู่พื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 2 แล้ว หรือแม้กระทั่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก นอกจากนี้ การแทรกซึมของจีนที่มีต่อไต้หวัน นับวันก็ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน บนพื้นฐานของการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ ควบคู่ไปกับการแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบ ในการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน พวกเราจึงได้ยื่นเสนองบประมาณพิเศษทางกลาโหม
 
พวกเราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า สันติภาพไม่สามารถประเมินค่าได้ ไม่มีผู้ชนะที่แท้จริงในสงคราม สันติภาพต้องพึ่งพาอาศัยศักยภาพในการคว้ามา เพราะฉะนั้น เราจึงจำเป็นต้องปรับเพิ่มงบประมาณทางกลาโหม และเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันประเทศ ขณะเดียวกัน ก็ต้องลดทอนการพึ่งพาจากจีน ด้วยการเดินหน้าเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ พวกเรายังจะยืนหยัดเคียงข้างพันธมิตรประชาธิปไตยทั่วโลก สำแดงให้เห็นถึงพลังความสามัคคี และประสิทธิภาพการสกัดกั้น เพื่อหลีกเลี่ยงภัยสงครามด้วยการเตรียมความพร้อมในการรับมือ ตลอดจนเพื่อการพิชิตไปสู่เป้าหมายด้านสันติภาพ
 
ถาม : นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เคยกล่าวไว้ว่า เป้าหมายของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน คือการเตรียมศักยภาพความพร้อมในการยึดครองไต้หวัน ก่อนปี พ.ศ. 2570 ซึ่งก่อนหน้านี้ ปธน.ไล่ฯ ก็ได้ระบุว่า รัฐบาลปักกิ่งอาจกำลังเตรียมการสำหรับการบุกโจมตีไต้หวัน คุณทราบหรือไม่ว่า... แผนการต่อไปของรัฐบาลปักกิ่งจะเป็นเช่นไรต่อไป ?

ตอบ : พวกเราต้องเตรียมการให้พร้อมที่สุดเสมอ ไม่ว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนจะมีมาตรการเช่นไร และจะเกิดขึ้นในเวลาใด ไต้หวันจะปกป้องประเทศชาติของตนอย่างเต็มที่ที่สุด และจะยืนหยัดในจุดยืนการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในระดับภูมิภาค พวกเราขอใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อประชาคมโลก ทั้งกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนําระดับโลก 7 ประเทศ (G7) , ประธานาธิบดีสหรัฐฯ , ผู้นำทางการเมืองญี่ปุ่น เป็นต้น ทุกฝ่ายต่างเฝ้าจับตาต่อสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างใกล้ชิดเสมอมา พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า สันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ถือเป็นปัจจัยสำคัญของความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองระดับสากล ซึ่งการสนับสนุนของเหล่าผู้นำประชาคมโลก มีส่วนช่วยในการส่งเสริมสันติภาพระดับภูมิภาคเป็นอย่างมาก
 
ถาม : คำกล่าวที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ แข็งแกร่งดุจหินผา พวกเราอยากทราบว่า ปธน.ไล่ฯ มีความเชื่อมั่นมากเพียงใดต่อคำกล่าวข้างต้นนี้ หากจีนเข้ารุกรานไต้หวัน โอกาสที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์ จะเข้าให้ความช่วยเหลือไต้หวัน มีมากน้อยเพียงใด ?
 
ตอบ : ไต้หวัน - สหรัฐฯ แม้จะมิได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันอย่างเป็นทางการ แต่พวกเราล้วนแต่รู้สึกขอบคุณต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ที่มีมติผ่าน “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” รวมถึงหลักประกัน 6 ประการ ตลอดหลายสิบปีมานี้ รัฐบาลสหรัฐฯ และสมาชิกสภาแบบข้ามพรรค ต่างก็ให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งและมีพลังต่อไต้หวันเสมอมาอย่างหนักแน่น หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เป็นต้นมา ก็ยังคงเดินหน้าสานต่อความร่วมมือในด้านต่างๆ กับไต้หวันอย่างต่อเนื่องไม่ขาดช่วง โดยพวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเปิดการเจรจามาตรการภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลทางการค้าของสหรัฐฯ ควบคู่ไปกับการยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าในเชิงลึก ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ
 
ถาม : พวกเราเฝ้าจับตาต่อสถานการณ์การพัฒนาระหว่างยูเครน – รัสเซีย อย่างใกล้ชิด ภายในยูเครนได้มีการถกเถียงกันในประเด็นที่ว่า การสนับสนุนจากสหรัฐฯ นั้น เพียงพอหรือไม่ และจะส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้อย่างไร จึงอยากทราบว่า ปธน.ไล่ฯ มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดในยูเครน รวมถึงบทบาทของสหรัฐฯ ที่มีต่อยูเครน ?
 
ตอบ : ไต้หวันพร้อมยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวยูเครน พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นสถานการณ์สงครามยุติลงโดยเร็ววัน เพื่อให้ชาวยูเครนรอดพ้นจากความเจ็บปวด และหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง พวกเราก็หวังจะเห็นทุกฝ่ายให้ความเคารพต่อศักดิ์ศรีประเทศชาติของยูเครน ควบคู่ไปกับการสร้างสวัสดิการแก่ภาคประชาชนชาวยูเครน
 
ถาม : เมื่อชั่วครู่ที่ปธน.ไล่ฯ ได้กล่าวถึงการค้าระหว่างสหรัฐฯ - ไต้หวัน การที่ไต้หวันมีความสำคัญในด้านสินทรัพย์ยุทธศาสตร์ หนึ่งในสาเหตุหลักคือ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นคำกล่าวของปธน.ทรัมป์ โดยปธน.ทรัมป์ เคยกล่าวไว้ว่า เขาหวังที่จะเห็นสหรัฐฯ ภายใต้ความช่วยเหลือจากไต้หวัน สามารถผลิตแผ่นชิปเซมิคอนดักเตอร์ได้ในสัดส่วนร้อยละ 40 – 50% ระดับโลก ในมุมมองของปธน.ไล่ฯ คิดเห็นว่า นี่จะเป็นการสร้างคุณค่าของไต้หวันที่เพิ่มมากขึ้นในสหรัฐฯ หรือจะเป็นการลดทอนความสำคัญของไต้หวัน ?
 
ตอบ : ไต้หวันแม้จะมีอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่สวมบทบาทสำคัญในยุคสมัยเทคโนโลยี AI ในอนาคต แต่พวกเราก็ต้องยอมรับว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เป็นเพียงส่วนหนึ่งในระบบนิเวศเท่านั้น ซึ่งจำเป็นต้องนำไปประกอบกับการวิจัยพัฒนา การออกแบบและการขยายตลาดของสหรัฐฯ ; วัสดุตั้งต้นและอุปกรณ์เครื่องมือของญี่ปุ่น ; อุปกรณ์การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่มีการพัฒนาทันสมัยของเนเธอร์แลนด์ และศักยภาพการผลิตแผ่นชิปความจำสูงของเกาหลีใต้ จึงจะสามารถสำแดงซึ่งประสิทธิภาพอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น รัฐบาลไต้หวันจึงพร้อมให้การสนับสนุนบริษัท TSMC และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่มีความประสงค์จะเข้าจัดตั้งโรงงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น หรือยุโรป ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองระดับโลก
 
ถาม : ปธน.ไล่ฯ คิดเห็นเช่นไรกับระยะเวลาของแผนปฏิบัติการที่กำหนดโดยปธน.ทรัมป์ ที่ระบุไว้ว่า ภายใน 2 – 3 ปีหลังจากนี้ สหรัฐฯ จะสามารถผลิตแผ่นชิปเซมิคอนดักเตอร์ได้ในสัดส่วนร้อยละ 40 – 50% ของโลก ปธน.ไล่ฯ คิดว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ?
 
ตอบ : พวกเราเข้าใจได้ว่าปธน.ทรัมป์ ต้องการครองบทบาทผู้นำในการแข่งขันระดับโลก ซึ่งนอกจากจะพึ่งพาการให้ความช่วยเหลืออย่างกระตือรือร้นจากไต้หวันแล้ว ยังขึ้นอยู่กับการให้ความร่วมมือของรัฐบาลสหรัฐฯ อีกด้วย อาทิ การคว้าสิทธิ์โฉนดที่ดิน , การป้อนพลังงานสำคัญอย่างประปา , ไฟฟ้า , บุคลากรและกำลังคน อีกทั้งยังรวมถึงมาตรการสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน หากเราทั้งสองฝ่ายร่วมด้วยช่วยกัน เชื่อว่าจะสามารถบังเกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่คาดหวังไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
ถาม : ประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือดในสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ในกรณีที่บริษัทอย่าง NVIDIA สมควรได้รับการอนุมัติให้จำหน่ายแผ่นชิปทันสมัยไปยังจีนหรือไม่ ประเด็นนี้ยังคงไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด จึงอยากทราบความคิดเห็นจากปธน.ไล่ฯ ว่า แผ่นชิปทันสมัยเหล่านี้ ควรได้รับการอนุมัติให้ส่งออกไปยังจีนหรือไม่ ?
 
ตอบ : ประเด็นข้างต้นถือเป็นเรื่องการเมืองภายในประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งปธน.ไล่ฯ ไม่สะดวกที่จะแสดงความคิดเห็น แต่ในประเด็นกรณีข้างต้น ไต้หวันเคยมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งพวกเราสามารถเล่าสู่กันฟังได้ เมื่อช่วงปี 2543 ประชาสังคมไต้หวันกำลังถกเถียงกันในประเด็นหัวข้อ ฐานการผลิตแผ่นชิปและแผ่นชิปทันสมัยของไต้หวัน สมควรโอนย้ายไปยังจีนหรือไม่ ? ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงภาคประชาสังคม ต่างเห็นพ้องว่า ไม่สมควร ซึ่งหลังจากมองย้อนกลับไป ก็เห็นได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง หากตอนนั้นโอนย้านฐานการผลิตแผ่นชิปทันสมัยของไต้หวันไปยังจีน ก็ไม่มีไต้หวันในปัจจุบัน
 
ถาม : เศรษฐกิจในปัจจุบันของไต้หวันได้รับการพัฒนาไปในทิศทางที่ดี ซึ่งสาเหตุหลักมาจากยุคสมัยแห่งเทคโนโลยี AI จึงอยากทราบความคิดเห็นของปธน.ไล่ฯ ว่า (1) คุณกังวลเรื่องภาวะวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่ในยุคสมัยแห่งเทคโนโลยี AI หรือไม่ ? คุณมีความคิดเห็นเช่นไรเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนในปัจจุบัน ? (2) สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนจะส่งผลกระทบต่อทัศนคติที่ปธน.สีจิ้นผิง มีต่อไต้หวันหรือไม่ ? จะมีโอกาสที่จีนจะบุกโจมตีไต้หวัน หรืออาศัยกลยุทธ์พื้นที่สีเทา ในการลิดรอนสิทธิหรือเข้าควบคุมไต้หวันหรือไม่ ? ตอบ : ยุคสมัย AI จะเกิดเป็นวิกฤตฟองสบู่หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันเป็นอย่างมากในแวดวงเทคโนโลยีและด้านเศรษฐศาสตร์ บางกลุ่มมองว่า มีโอกาสเกิดขึ้น ในขณะที่บางกลุ่มบอกว่า ไม่น่าจะถึงขั้นนั้น อย่างไรก็ตาม ในฐานะนักการเมืองและผู้นำประเทศ พวกเราจะเร่งแสวงหามาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันมิให้เกิดภาวะวิกฤตข้างต้น ทั้งนี้ เพื่อการอำนวยความสะดวกในวิถีชีวิตของภาคประชาชน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และเพื่อกระตุ้นความเจริญรุ่งเรืองระดับโลก
 
สำหรับประเด็นที่ (2) เป็นที่ทราบกันดีว่า สภาวะทางเศรษฐกิจของจีนในปัจจุบันไม่สู้ดีนัก อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไต้หวันในปีนี้ สูงถึง 7.37% แต่จากการคาดการณ์ของสถาบันการเงินระหว่างประเทศ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนอยู่ที่ 4% เท่านั้น พวกเราหวังที่จะเห็นปธน.สีฯ คำนึงถึงสวัสดิการของภาคประชาชน มากกว่าความทะเยอทะยานในการแผ่ขยายดินแดน ในระหว่างการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยไต้หวันพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ และเดินหน้าจับมือกับจีน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในมิติต่างๆ ด้วยความยินดี

ประเด็นร้อน

ประเด็นล่าสุด