06/12/2025

Taiwan Today

การเมือง

รมว.กต.ไต้หวันตอบรับให้สัมภาษณ์แก่สื่อ Bloomberg TV โดยได้ชี้แจงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างญี่ปุ่น - จีน ความสัมพันธ์ไต้หวัน – สหรัฐฯ และความมั่นคงในระดับภูมิภาค

04/12/2025
รมว.กต.ไต้หวันตอบรับให้สัมภาษณ์แก่สื่อ Bloomberg TV โดยได้ชี้แจงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างญี่ปุ่น - จีน ความสัมพันธ์ไต้หวัน – สหรัฐฯ และความมั่นคงในระดับภูมิภาค (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 3 ธ.ค. 68

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Stephen Engle ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ Bloomberg TV และนายหลี่อี้อัน ผู้สื่อข่าว Bloomberg ประจำกรุงไทเป โดยรมว.หลินฯ ได้ชี้แจงต่อประเด็นต่างๆ ที่ประชาคมโลกเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด อาทิ ปัญหาความขัดแย้งทางความสัมพันธ์ระหว่างจีน - ญี่ปุ่น , ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ภายใต้การบริหารปกครองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสถานการณ์ความมั่นคงในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ รมว.หลินฯ ยังได้ชี้แจงจุดยืนและทิศทางนโยบายของไต้หวันควบคู่ไปด้วย ซึ่งบทสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องได้รับการเผยแพร่ออกสู่อากาศในวันเดียวกัน และได้รับการอัปโหลดลงบนเว็บไซต์ทางการ Bloomberg News
 
รมว.หลินฯ กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา Ms. Takaichi Sanae นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน ได้แถลงว่า “หากจีนเข้ารุกรานไต้หวัน ญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงให้ความช่วยเหลือไต้หวัน” ซึ่งคำกล่าวข้างต้นเป็นชนวนที่กระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งระหว่างจีน – ญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม นัยยะของคำกล่าวข้างต้น เพียงต้องการสื่อให้เห็นว่า “หากไต้หวันเกิดปัญหา ก็เท่ากับเป็นปัญหาของญี่ปุ่นด้วย และถือเป็นปัญหาความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ - ญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน” รมว.หลินฯ กล่าวเสริมว่า ไต้หวัน – ญี่ปุ่นมีช่องทางการเจรจาที่ดี และอยู่ระหว่างการประสานความร่วมมือในการควบคุมสถานการณ์ เพื่อป้องกันมิให้ดำเนินไปสู่ทิศทางความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น
 
ประเทศภายนอกมองว่า การตอบสนองของไต้หวันดูจะนิ่งสงบเกินไป ในส่วนนี้ รมว.หลินฯ ชี้แจงว่า ไต้หวันให้การสนับสนุนญี่ปุ่นผ่าน “รูปแบบที่นุ่มนวล” ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางเยือนท่องเที่ยวและเลือกซื้อสินค้าญี่ปุ่น โดยหวังที่จะช่วยลดความตึงเครียดลง “เพราะหากกระแสชาตินิยมของจีนถูกปลุกปั่น สถานการณ์อาจลุกลามเกินการควบคุม” พร้อมกันนี้ รมว.หลินฯ ยังได้เน้นย้ำว่า การทวีเพิ่มความตึงเครียดไม่เป็นผลดีกับฝ่ายใดเลย แม้กระทั่งรัฐบาลปักกิ่งเองก็ตาม
 
รมว.หลินฯ วิเคราะห์ว่า สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีน - ญี่ปุ่น “อาจต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีจึงจะสามารถกลับสู่สภาวะปกติที่มีเสถียรภาพ” อีกทั้งยังชี้แจงว่า แถลงการณ์ข้างต้นของนรม. Sanae มิใช่การเปลี่ยนแปลงทางนโยบาย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปักกิ่งอาจจะประกาศใช้มาตรการบางประการเพื่อแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้คุมสถานการณ์ ทั้งนี้ “เพื่อเป็นการไว้หน้าปธน.สีจิ้นผิง” แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เสถียรภาพจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด สำหรับเรื่องนี้
 
พวกเราตระหนักเห็นแล้วว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้เชื่อมโยงความมั่นคงระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกันโดยรมว.หลินฯ ระบุว่า ไต้หวัน - ญี่ปุ่น จำเป็นต้องร่วมแบกรับความรับผิดชอบในศักยภาพการป้องกันประเทศและการประสานงานฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ เนื่องจากภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ขาดแคลนกลไกการป้องกันประเทศในรูปแบบหมู่คณะ เฉกเช่นองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) อย่างไรก็ตาม ไต้หวันจะเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคีกับพันธมิตรประชาธิปไตยทั่วโลก อาทิ สหรัฐฯ และญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสรรสร้างกรอบโครงสร้างยุทธศาสตร์รูปแบบตาข่าย (lattice-like) ในการบรรลุซึ่งความมั่นคงในระดับภูมิภาค ตลอดจนเป็นการป้องกันการแผ่ขยายอิทธิพลของลัทธิอำนาจนิยม
 
ต่อประเด็นที่ภายนอกจับตาว่า การสนทนาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ - จีน ที่ไม่ได้มีการระบุถึงไต้หวันเลยนั้น รมว.หลินฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันมิได้มีข้อสงสัยที่คลางแคลงใจต่อคำมั่นที่ปธน.ทรัมป์ ให้ไว้ต่อภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกหรือพื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 1 เลย รมว.หลินฯ กล่าวว่า “นี่เป็นเพียงการวางยุทธศาสตร์ในรูปแบบที่แตกต่างกัน” ฝ่ายรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการให้บรรดามิตรประเทศร่วมแบกรับงบประมาณทางกลาโหมที่เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการแสดงให้เห็นเจตนารมณ์ในการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเองอย่างแกร่งกล้า
 
รมว.หลินฯ ระบุว่า ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน อาศัยการปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายทางกลาโหม , ฟื้นฟูระบบการเกณฑ์ทหารที่ต้องเข้ารับการฝึกอบรมและรับใช้ประเทศ เป็นเวลา 1 ปี , เร่งพัฒนายุทธวิธีสงครามที่ไร้สมมาตร และยกระดับมาตรการความยืดหยุ่นในการปกป้องภาคประชาสังคม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวันในการปกป้องประชาธิปไตย
 
สำหรับประเด็นการเดินทางแวะเยือนสหรัฐฯ ในระหว่างแผนปฏิบัติการเดินทางเยือนกลุ่มประเทศพันธมิตรในลาตินอเมริกาของปธน.ไล่ฯ ในอนาคต รมว.หลินฯ กล่าวว่า ไต้หวันมีความเชื่อมั่นว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเราจะสามารถเดินทางเยือนกลุ่มประเทศในลาตินอเมริกาได้ ผ่านรูปแบบการแวะเยือนสหรัฐฯ
 
รมว.หลินฯ ระบุว่า ไต้หวันและกลุ่มประเทศทวีปยุโรป มีศักยภาพทางความร่วมมือที่เหลือล้น ทั้งในด้านความมั่นคง , ห่วงโซ่อุปทาน , การร่วมเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดจากระบอบเผด็จการ และการปกป้องประชาธิปไตย เป็นต้น อาทิ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉินได้ ตอบรับคำเชิญของกลุ่มพันธมิตรจีนแห่งรัฐสภาข้ามชาติ” (IPAC) เดินทางเข้าร่วมแสดงปาฐกถาในรัฐสภายุโรป ซึ่งถือเป็นผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญทางการแลกเปลี่ยนเชิงลึก ระหว่างไต้หวัน – กลุ่มประเทศทวีปยุโรป

ประเด็นร้อน

ประเด็นล่าสุด