ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 17 ธ.ค. 68
ต่อกรณีเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมตามเวลาในเขตตะวันออกของสหรัฐฯ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่งหนังสือแจ้งต่อรัฐสภาอย่างเป็นทางการตามกระบวนการทางนิติบัญญัติ เรื่องการอนุมัติจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ 8 รายการให้แก่ไต้หวัน รวมมูลค่า 11,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบด้วย : โครงการจัดซื้อเครือข่ายการสื่อสารทางการทหาร (TTN) ร่วมกับซอฟต์แวร์ระบบสื่อสารทางการทหาร (TAK) , ชิ้นส่วนอะไหล่ของเฮลิคอปเตอร์ รุ่น AH-1W ของกองทัพทหารบก , ปืนใหญ่อัตตาจร รุ่น M109A7 , ระบบจรวด HIMARS เพิ่มเติม สำหรับการโจมตีระยะไกลแบบแม่นยำ , ขีปนาวุธ TOW เพิ่มเติม , ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ , ขีปนาวุธ Javelin เพิ่มเติมของกองทัพเรือ และโครงการตรวจเช็คซ่อมบำรุงชิ้นส่วนของขีปนาวุธ Harpoon
หลังจากที่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา นางกัวหย่าฮุ่ย โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน ได้แสดงความขอบคุณในฐานะตัวแทนรัฐบาลไต้หวันใจจริง พร้อมกล่าวว่า การอนุมัติการจำหน่ายยุทโธปกรณ์ให้ไต้หวันของรัฐบาลสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงการให้คำมั่นด้านความมั่นคงต่อไต้หวัน ตามที่บัญญัติไว้ใน “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” และ “หลักประกัน 6 ประการ”
โฆษกกัวฯ กล่าวว่า การจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ไต้หวันในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 เป็นต้นมา แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วนทางความร่วมมือ ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ และแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อความต้องการด้านกลาโหมของไต้หวัน เมื่อเผชิญหน้ากับความมั่นคงในภูมิภาคที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรง ไต้หวันจึงได้จัดสรรงบประมาณพิเศษทางกลาโหมของปี พ.ศ. 2569 ตามมาตรฐานที่กำหนดโดยองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ให้มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น 3% ของ GDP และคาดว่าจะสามารถพิชิตเป้าหมาย 5% ของ GDP ภายในปี พ.ศ. 2573 โดยรัฐบาลยังได้มีการยื่นเสนอ “งบประมาณพิเศษว่าด้วยการเสริมสร้างความยืดหยุ่นด้านการปกป้องประเทศ และการพัฒนายุทธิวิธีสงครามที่ไร้สมมาตร” โดยไต้หวันจะเดินหน้ามุ่งผลักดันการปฏิรูปทางกลาโหมอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการยกระดับความยืดหยุ่นในการปกป้องภาคประชาสังคม ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องประเทศด้วยตนเอง และมุ่งธำรงรักษาสันติภาพด้วยศักยภาพ
โฆษกกัวฯ ชี้แจงว่า สันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิกและช่องแคบไต้หวัน เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถขาดได้ในความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของประชาคมโลก โดยไต้หวันจะจับมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วนทางความร่วมมือ ทั้งนี้ เพื่อปกป้องไว้ซึ่งค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ ควบคู่ไปกับการธำรงรักษาสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาคให้คงอยู่สืบต่อไป
นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน รู้สึกยินดีและขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนศักยภาพการปกป้องประเทศของไต้หวันและความมั่นคงในภูมิภาคอย่างหนักแน่นเสมอมาเป็นระยะเวลายาวนาน พร้อมทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการบรรลุคำมั่นที่ระบุไว้ในเอกสาร “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ” (National Security Strategy, NSS) ฉบับใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรม อันแสดงให้เห็นผ่านการให้ความสำคัญต่อบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของไต้หวัน และการช่วยยกระดับแสนยานุภาพ เพื่อการสกัดกั้นความขัดแย้งในช่องแคบไต้หวัน