กระทรวงคมนาคม วันที่ 19 ส.ค. 68
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 กรมอุตุนิยมวิทยา (Central Weather Administration, CWA) ภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคมไต้หวัน และสมาคมพันธมิตรด้านอุตุนิยมวิทยาไต้หวัน (Taiwan Climate Services Partnership) สถาบันวิจัยเศรษฐกิจจงหัว (Chung-Hua Institution for Economic Research) และสมาคมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น (Japan Weather Association, JWA) ร่วมกันจัด “การประชุมอุตสาหกรรมอุตุนิยมวิทยาไต้หวัน ครั้งที่ 6” ขึ้นภายใต้หัวข้อ “โอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจสีน้ำเงิน : อุตสาหกรรมอุตุนิยมวิทยาทางทะเลและนวัตกรรมทางอุตสาหกรรม” โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีด้านอุตุนิยมวิทยาทางทะเล และการประยุกต์ใช้แบบข้ามบูรณาการ ซึ่งสามารถดึงดูดผู้เชี่ยวชาญทั้งในแวดวงภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐและภาควิชาการ เข้าร่วมให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก
นายลวี่กั๋วเฉิน ผู้อำนวยการกรมอุตุนิยมวิทยาไต้หวัน กล่าวขณะปราศรัยว่า มหาสมุทรสวมบทบาทสำคัญในการควบคุมสภาพภูมิอากาศ และขับเคลื่อนระบบสภาพอากาศ เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น การได้รับรายงานข้อมูลสังเกตการณ์มหาสมุทร และการพัฒนาขีดความสามารถในการส่งสัญญาณแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า จึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างความทรหดของสภาพภูมิอากาศและการผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืน อนึ่ง เพื่อยกระดับความแม่นยำและประสิทธิภาพการประยุกต์ใช้ข้อมูลจากภาคอุตุนิยมวิทยาทางทะเล CWA จึงได้มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจสอบและการแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง , เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของระบบคอมพิวเตอร์ ควบคู่ไปกับการผลักดันกลไกการพยากรณ์อากาศในเส้นทางคมนาคมทางทะเลสายหลัก และกลไกการพยากรณ์อากาศในพื้นที่ตำบลและอำเภอ ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจการเดินเรือ , ชาวประมง , ประชาชนในพื้นที่เลียบชายฝั่งและนักท่องเที่ยว สามารถจับทิศทางการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศทางทะเลได้แบบเรียลไทม์
นางลู่เสี่ยวจวิน ผู้อำนวยการสำนักงานอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ภายใต้คณะกรรมการกิจการทางทะเลไต้หวัน (Ocean Affairs Council, OAC) กล่าวขณะปราศรัยว่า เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศโลกและแนวโน้มการพัฒนาทางเทคโนโลยี OAC จึงได้ริเริ่มผลักดันการปรับปรุงแก้ไข “สมุดปกขาวว่าด้วยนโยบายทางทะเลแห่งชาติ ประจำปี 2568” พร้อมทั้งเฝ้าจับตาต่อประเด็นเทคโนโลยีเกิดใหม่ อาทิ เทคโนโลยี AI , ยานยนต์ไร้คนขับและการประยุกต์ใช้ดาวเทียมอวกาศ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในภาพรวม และการวางรากฐานทางยุทธศาสตร์ของไต้หวันในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การตรวจสอบทางทะเล , ความมั่นคงทางทะเล , การคมนาคมขนส่งทางเรือรูปแบบอัจฉริยะ , การท่องเที่ยวทางทะเล การบริหารทรัพยากรและการแจ้งเตือนภัยพิบัติล่วงหน้า เป็นต้น โดยผอ.ลู่ฯ กล่าวว่า เพื่อขานรับเป้าหมายไอจิด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Aichi Biodiversity Targets) , กรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก (Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework, KM – GBF) และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals, SDGs) ภายในปี พ.ศ. 2573 ของระบบสหประชาชาติ ในอนาคต OAC จะขานรับต่อนโยบายที่เกี่ยวข้องที่วางแผนโดย OAC และเคารพตาม “กฎหมายขั้นพื้นฐานทางทะเล” โดยยึดหลักการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นรากฐาน ในการมุ่งบรรลุสู่วิสัยทัศน์การประยุกต์ใช้ทางทะเลอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมาย “ท้องทะเลที่สะอาด” , “แหล่งพักพิงที่อุดมสมบูรณ์” และ “ทรัพยากรที่ยั่งยืน” ผ่าน “การผนึกกำลังร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน”
นายเฉินไท่หราน นายกสมาคมพันธมิตรอุตุนิยมวิทยาไต้หวัน เน้นย้ำระหว่างการประชุมว่า การประชุมในครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การประยุกต์ใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีตรวจวัดสภาพอากาศทางทะเล พร้อมทั้งคำนึงถึงคุณค่าการบูรณาการข้อมูลทางสภาพภูมิอากาศเข้าสู่อุตสาหกรรมทางทะเล ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ข้อมูลสารสนเทศอุตุนิยมวิทยา ก้าวสู่การเป็นหลักอ้างอิงที่สำคัญในการกำหนดนโยบาย และสินทรัพย์ทางอุตสาหกรรม นอกจากนี้ นายกเฉินฯ ยังได้กล่าวว่า สมาคมพันธมิตรของเรา สวมบทบาทหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มการเจรจาระหว่างหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาและผู้ประกอบการภาคเอกชน โดยในอนาคต พวกเราจะมุ่งมั่นส่งเสริมการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมทั้งจับคู่ความร่วมมือด้านอุปสงค์ - อุปทาน ทั้งนี้ เพื่อเชื่อมโยงทรัพยากรจากแวดวงภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการเข้าด้วยกัน เพื่อร่วมสร้างการประยุกต์เชิงนวัตกรรมในด้านเศรษฐกิจสีน้ำเงิน , การเปลี่ยนผ่านสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และการบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น
ในการประชุมรอบบ่าย ยังได้มีการจัดการอภิปรายในประเด็นแนวโน้มการประยุกต์ใช้ข้อมูลสารสนเทศอุตุนิยมวิทยา อาทิ การท่องเที่ยวทางทะเล , การบริหารความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขนส่งทางเส้นทางคมนาคมทางทะเล และอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เป็นต้น โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสรรสร้างอนาคตสีน้ำเงินที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและความยืดหยุ่น ผ่านการเสวนาทางความร่วมมือแบบข้ามหน่วยงานและข้ามอุตสาหกรรมในการประชุมครั้งนี้