กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 23 ธ.ค. 64
ภายใต้ความพยายามร่วมกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคมของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และสหราชอาณาจักร รวมถึงสำนักงานตัวแทนไต้หวันประจำอังกฤษและสำนักงานตัวแทนอังกฤษในไทเป ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา Mr. John Dennis ผู้แทนรัฐบาลอังกฤษประจำไต้หวันและนายเซี่ยอู่เฉียว ผู้แทนรัฐบาลไต้หวันประจำอังกฤษ ได้ร่วมลงนามใน “บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการเปลี่ยนใบขับขี่ระหว่างไต้หวัน - อังกฤษโดยไม่ต้องผ่านการทดสอบ” ในระหว่างการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยนายเจิงโห้วเหริน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและนายเฉินเหวินรุ่น อธิบดีกรมทางรถไฟและทางหลวงแผ่นดิน กระทรวงคมนาคม สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่ง MOU ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่1 ม.ค. ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป โดยในอนาคต หากประชาชนชาวไต้หวันมีความประสงค์ที่จะเดินทางไปทำงาน ศึกษาต่อหรือพำนักอาศัยในอังกฤษ จะได้รับความสะดวกมากขึ้นจากมาตรการที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันฉบับนี้
รมช.เจิงฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า จนถึงขณะนี้ ไต้หวัน – อังกฤษได้ร่วมลงนามในข้อตกลงระหว่างกันหลายฉบับแล้ว ได้แก่ โครงการ Work and Holiday ความตกลงว่าด้วยการหลีกเลี่ยงและป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อน และโครงการแลกเปลี่ยนภาษา เป็นต้น โดยการลงนาม MOU ด้านการเปลี่ยนใบขับขี่ระหว่างไต้หวัน – อังกฤษโดยไม่ต้องผ่านการทดสอบในครั้งนี้ จะช่วยให้การแลกเปลี่ยนและสร้างความร่วมมือแบบทวิภาคีมีความแนบแน่นยิ่งขึ้น Mr. Dennis ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไต้หวันและอังกฤษที่ได้กระตุ้นให้มีการร่วมลงนามข้อตกลงฉบับนี้ขึ้น โดยประชาชนชาวอังกฤษที่พำนักอาศัยอยู่ในไต้หวันก็จะได้รับประโยชน์จากการลงนามในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน พร้อมนี้ รมช.เจิงฯ ยังได้ให้การยอมรับว่า MOU ฉบับนี้จะเป็นการเชื่อมโยงระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย และเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศในอนาคตด้วยเช่นกัน
การลงนาม MOU ว่าด้วยการเปลี่ยนใบขับขี่ระหว่างไต้หวัน – อังกฤษโดยไม่ต้องผ่านการทดสอบในครั้งนี้ ส่งผลให้อังกฤษเป็นประเทศในภูมิภาคยุโรปลำดับที่ 14 ที่ได้มีการร่วมลงนามการแลกเปลี่ยนใบขับขี่ระหว่างกัน แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไต้หวันและกลุ่มประเทศในภูมิภาคยุโรป ซึ่งนี่นับเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างสำหรับประชาชนของไต้หวันและอังกฤษ หลังจากที่ในปี 2009 ซึ่งไต้หวันได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตราจากอังกฤษ และเป็นประเทศแรกในทวีปยุโรป ก่อนที่ในปี 2011 ที่ทั้งสองประเทศร่วมลงนามใน “โครงการแลกเปลี่ยนระหว่างกลุ่มเยาวชน” ระหว่างกันด้วย