กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 25 มี.ค. 65
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แก่ Mr. Robert Fife บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ The Globe and Mail ที่ประจำอยู่ในกรุงออตตาวา และ Mr. Steven Chase ผู้สื่อข่าวระดับอาวุโส โดยรมว.อู๋ฯ ได้ร่วมวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่อาจเกิดจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย – ยูเครนต่อพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน และความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน – แคนาดา โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่แล้วเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยได้รับกระแสตอบรับและความสนใจเป็นอย่างมาก
รมว.อู๋ฯ แถลงว่า ไต้หวันได้จับตามองสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย – ยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มประเทศประชาธิปไตยร่วมมือกันในการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ประกอบกับการที่ยูเครนลุกขึ้นสู้เพื่อต่อต้านการรุกรานจากภายนอกอย่างเต็มกำลัง ส่งผลให้รัสเซียประสบกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในการบุกเข้าสู่ยูเครน ซึ่งหากรัฐบาลจีนใช้อาวุธเพื่อเข้ายึดครองไต้หวัน คาดว่าคงเลือกใช้แนวทางการยกพลขึ้นบกจู่โจม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไต้หวันมีข้อได้เปรียบทางด้านอาวุธป้องกันที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยูเครนขาดแคลน จึงจะเห็นได้ว่าการบุกโจมตีไต้หวันอาจมีความท้าทายมากกว่าการที่รัสเซียบุกยูเครน อีกทั้งความกล้าหาญของประชาชนชาวยูเครนและการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากกลุ่มประเทศตะวันตกที่รัสเซียเผชิญหน้าในปัจจุบัน อาจทำให้รัฐบาลจีนตระหนักถึงผลลัพธ์ของสงคราม และนำมาซึ่งการยกเลิกแนวคิดที่จะบุกโจมตีด้วยกำลังทหาร
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า ไต้หวันมีความตื่นตัวในการเฝ้าระวังระดับสูง เพื่อป้องกันไม่ให้จีนเข้ารุกล้ำอธิปไตย นอกจากไต้หวันจะมีความมุ่งมั่นในการปกป้องประเทศชาติแล้ว ยังได้จัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความทันสมัย เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถในการรับมือกับสงครามที่ขาดความสมดุล และเพื่อดำเนินการปฏิรูประบบกำลังสำรองของกองทัพ ตลอดจนผลักดันการผลิตเรือรบและเครื่องบินรบจากภายในประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านการป้องกันประเทศให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ไต้หวันยังเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ทั้งยังเป็นประเทศที่ตั้งอยู่แนวหน้าในการต่อกรกับการแผ่ขยายอำนาจของลัทธิอำนาจนิยม จึงทำให้มีบทบาทสำคัญต่อประชาคมโลกเป็นอย่างมาก
รมว.อู๋ฯ ชี้ว่า ในแถลงการณ์ร่วมระหว่างจีน – รัสเซียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีใจความสำคัญที่เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนที่ดีที่ “ไม่มีขีดจำกัด” ของทั้งสองประเทศ เพราะฉะนั้น ภายใต้การประสานความร่วมมืออันใกล้ชิดระหว่างจีน – รัสเซีย การที่รัฐบาลจีนจะช่วยไกล่เกลี่ยให้รัสเซีย – ยูเครนสงบศึกสงคราม แทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลย หรือไม่แม่ว่าจีนอาจได้รับผลประโยชน์จากการที่รัสเซียถูกคว่ำบาตรจากกลุ่มประเทศตะวันตกก็เป็นได้
ต่อกรณีความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - แคนาดา รมว.อู๋ฯ เห็นว่า แคนาดาสามารถส่งเรือรบเดินทางข้ามผ่านพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวันได้อย่างเสรีเช่นเดียวกับพันธมิตรชาติอื่นๆ ที่ร่วมลงนาม “ความตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ (Foreign Investment Promotion and Protection Agreement, FIPA)” กับไต้หวัน พร้อมนี้ ทั้งสองประเทศยังสามารถร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการสกัดกั้นข่าวปลอมและการโจมตีทางไซเบอร์ ตลอดจนเรียกร้องให้แคนาดาสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วม “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership, CPTPP) เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - แคนาดาในเชิงลึก ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงความสนับสนุนที่มีต่อไต้หวัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มประชาธิปไตยระดับโลก
รมว.อู๋ฯ ยังชี้ว่า จนถึงขณะนี้ ยอดเงินบริจาคที่รัฐบาลและประชาชนไต้หวัน บริจาคให้กับยูเครน มีมูลค่ารวมมากกว่า 8 ร้อยล้านเหรียญไต้หวันแล้ว อีกทั้งยังมีสิ่งของบริจาคเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม อีกกว่า 500 ตัน ซึ่งถือเป็นผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากการความร่วมมือของประชาชนไต้หวัน ที่หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยยูเครนให้ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว