กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 12 พฤษภาคม 2565
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายอวี๋ต้าเหลย ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เป็นประธานในพิธีลงนาม “ปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ระหว่างไต้หวัน-อิสราเอล” โดยมี Mr. Omer Caspi ผู้แทนอิสราเอลประจำไต้หวัน และนางหลีหย่าผิง ผู้แทนไต้หวันประจำอิสราเอล เป็นผู้ลงนามผ่านการถ่ายทอดสัญญาณจากทั้งสองประเทศด้วยระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ซึ่งนางหลี่ลี่เฟิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ พร้อมทั้ง Ms. Sigal Moran รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสวัสดิการและกิจการสังคมของอิลราเอล ต่างก็ได้รับเชิญให้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีด้วย
โดยปลัดอวี๋ฯ ชี้ว่า ไต้หวันและอิสราเอลมีแนวความคิดที่คล้ายกัน ซึ่งก็คือการต่อสู้เพื่อปกป้องคุณค่าแห่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ พร้อมทั้งบริหารประเทศด้วยคุณความดีและยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งหลักการเหล่านี้ต่างก็ฝังรากลึกในจิตใจของปวงชน และเป็นสิ่งที่ทั้งภาครัฐและประชาชนต่างก็หวงแหนและต้องการรักษาไว้ นอกจากนี้ ทั้งไต้หวันและอิสราเอลต่างประสบกับปัญหาและความท้าทายที่คล้ายกันหลายประการ จึงหวังว่าทั้งไต้หวันและอิสราเอลจะสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พร้อมก้าวเดินไปด้วยกัน และทั้งสองฝ่ายจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ด้านความร่วมมือในเชิงลึกระหว่างกัน บนพื้นฐานของการสร้างประโยชน์ให้แก่กันและกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยรมช.หลี่ฯ เห็นว่า ไต้หวันจะยังคงทำการปรับปรุงแก้ไขมาตรการและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการสังคมอย่างต่อเนื่อง พร้อมหวังว่าในอนาคต ไต้หวันและอิสราเอลจะสามารถร่วมมือกันในการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น โดยรมว. Moran ของอิสราเอลได้แสดงความชื่นชมในผลงานและความเชี่ยวชาญด้านสวัสดิการสังคมของไต้หวันเป็นอย่างมาก และหวังว่าเมื่อผ่านพ้นสถานการณ์แพร่ระบาดไปแล้ว จะสามารถสร้างความร่วมมือในด้านที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศได้มากยิ่งขึ้น โดย Mr. Omer Caspi ผู้แทนอิสราเอลประจำไต้หวันก็ได้กล่าวยกย่องไต้หวันที่พยายามอย่างเต็มที่ในการทำให้เกิดความร่วมมือในครั้งนี้ เชื่อว่าการลงนามในปฏิญญาร่วมฉบับนี้จะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคมให้มากยิง่ขึ้น
“ปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ระหว่างไต้หวัน-อิสราเอล” เป็นข้อตกลงความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามฉบับที่ 30 และเป็นข้อตกลงฉบับที่ 5 ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างไต้หวัน-อิสราเอล ซึ่งในอนาคตทั้งสองฝ่ายจะยังคงสร้างความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนในด้านต่างๆ ในเชิงลึกต่อไป