กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 28 ธ.ค. 65
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. Mr. Mar Sánchez-Cascado ผู้สื่อข่าวประจำทวีปเอเชียของหนังสือพิมพ์ La Razón แห่งสเปน ได้ทำการสัมภาษณ์นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้ถูกเผยแพร่ผ่านบทความในหัวข้อ “ความทะเยอทะยานในการรุกล้ำดินแดนไต้หวันของปธน.สีจิ้นผิง อันเนื่องมาจากการที่ไต้หวันเป็นประเทศประชาธิปไตย” (Xi Jinping quiere invadir Taiwán porque es una democracia) เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ซึ่งได้รับความสนใจทั้งในประเทศสเปนและในต่างประเทศ
เริ่มต้น รมว.อู๋ฯ ได้ชี้แจงถึงความทะเยอทะยานของจีนในการรุกล้ำดินแดนไต้หวัน และพฤติกรรมการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ พร้อมทั้งระบุว่า เฉพาะในปี 2022 รัฐบาลจีนได้ส่งเครื่องบินรบรุกล้ำเข้าสู่เขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ของไต้หวัน เป็นจำนวนกว่า 3,000 ลำแล้ว ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าเมื่อเทียบกับในปี 2020 ที่จีนบุกรุกล้ำดินแดนไต้หวันด้วยเครื่องบินรบจำนวน 380 ลำ และอีก 972 ลำในปี 2021 ประกอบกับการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจและการแพร่กระจายข่าวปลอมที่จีนกระทำต่อไต้หวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการที่จะสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นภายในประเทศของไต้หวัน ซึ่งนอกเหนือจากไต้หวันแล้ว จีนยังได้ขยายฐานทัพทหารในพื้นที่ทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ซึ่งเห็นได้ชัดจากกรณีที่จีน – หมู่เกาะโซโลมอนร่วมลงนามในความตกลงด้านความมั่นคงระหว่างกันเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความวิตกกังวลในด้านความมั่นคงให้แก่ประเทศรายรอบอย่างออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นอย่างมาก
รมว.อู๋ฯ ชี้ว่า สาเหตุที่จีนต้องการครอบครองดินแดนไต้หวัน มี 2 ประการ ได้แก่ ประการแรก ไต้หวันตั้งอยู่ในพื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 1 (First Island Chain) ซึ่งการครอบครองดินแดนไต้หวันสอดคล้องกับผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ทางการทหารของรัฐบาลจีน ประการที่ 2 การที่ไต้หวันเป็นประเทศระบอบประชาธิปไตย ทำให้รัฐบาลจีนมิสามารถตอบข้อซักถามของประชาชนในประเทศได้ว่า เหตุใดไต้หวันจึงได้รับเสรีภาพ สิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม อย่างที่ประชาชนชาวจีนมิสามารถเอื้อมถึง ดังนั้น รัฐบาลจีนจึงคิดเห็นว่า แนวทางการแก้ปัญหาที่เร็วที่สุดคือการทำลายประชาธิปไตยของไต้หวันให้แหลกละเอียด
ต่อกรณีความวุ่นวายภายในประเทศจีนอันเนื่องมาจากการคลายล็อกเมื่อช่วงที่ผ่านมา รมว.อู๋ฯ ชี้แจงว่า ภายในดินแดนประเทศจีนมีการแพร่ระบาดโรคโควิด – 19 ที่ลุกลามเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สถานการณ์ภายในประเทศ นับวันยิ่งผันแปรไปในทิศทางที่เลวร้ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จีนยังประสบกับปัญหาด้านธนาคาร การเงินและอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลไต้หวันจึงเร่งทำการพิจารณาสถานการณ์ภาพรวมอย่างรอบคอบ ซึ่งเรามิสามารถมองข้ามความเป็นไปได้ที่ว่า รัฐบาลจีนอาจพุ่งเป้ามาที่ไต้หวันด้วยการรุกล้ำดินแดนไต้หวันด้วยกำลังทหาร ท่ามกลางวิกฤตสถานการณ์ที่เกิดจากการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจ และความล้มเหลวของนโยบายการป้องกันโรคระบาดของจีน จนทำให้ไต้หวันต้องกลายเป็นแพะรับบาป เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ความเป็นไปได้ข้างต้น ไต้หวันจึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมอย่างรัดกุม เพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตยและระบอบประชาธิปไตยและเสรีภาพของไต้หวันด้วยศักยภาพด้านกลาโหมที่มาจากการพึ่งพาตนเอง
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า จีนใช้ข้ออ้างจากการที่นางแนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวัน มาทำการซ้อมรบครั้งใหญ่ในพื้นที่รอบน่านน้ำไต้หวันด้วยกระสุนจริง ประกอบกับยังกล่าวอ้างในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ว่า ประเด็นไต้หวันเป็นปัญหาภายในของจีน ประเทศอื่นไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยว โดยพฤติกรรมความป่าเถื่อนและการสร้างความท้าทายของจีน นับว่าเป็นการทำลายสถานภาพช่องแคบไต้หวัน และได้สร้างความตึงเครียดให้แก่พื้นที่ภูมิภาค ซึ่งนานาประเทศทั่วโลกต่างร่วมเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังได้เรียกร้องให้สเปนและกลุ่มประเทศประชาธิปไตยร่วมยึดมั่นในจุดยืนเดียวกัน ในการต่อต้านทุกพฤติกรรมของจีนที่เป็นการสร้างความท้าทายให้เกิดแก่สันติภาพในช่องแคบไต้หวัน รวมไปถึงความทะเยอทะยานของจีนในการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในภูมิภาค
นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังได้ระบุว่า หลังสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน ไต้หวันเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในขบวนการของกลุ่มประเทศประชาธิปไตย ในการประณามและดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและฟื้นฟูบูรณะโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ยูเครน โดยไต้หวันยังได้อ้างอิงแผนยุทธศาสตร์การเอาชนะคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าด้วยแสนยานุภาพทางกลาโหมที่ขาดความสมดุลของยูเครน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างศักยภาพด้านกลาโหมด้วยการพึ่งพาตนเอง และปลุกพลังฮึกเหิมให้แก่ภาคประชาชนร่วมต่อต้านภัยคุกคาม ตลอดจนแสวงหาพลังสนับสนุนจากประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง โดยรมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน มีความสำคัญต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจระดับโลกเป็นอย่างมาก หากระบบห่วงโซ่อุปทานต้องประสบกับภาวะการขาดช่วงอันเนื่องมาจากการรุกล้ำดินแดนไต้หวันจากจีน จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาคมโลกอย่างที่ไม่สามารถประเมินค่าได้