ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 11 ก.ค. 67
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับผู้ที่เข้าร่วม “หลักสูตรการฝึกอบรมเจ้าหน้าทหารระดับสูงสำหรับตัวแทนจากประเทศพันธมิตรที่พูดภาษาสเปน ประจำปี 2567” ของมหาวิทยาลัยป้องกันอาณาจักร (National Defense University, NDU) พร้อมกล่าวว่า ไต้หวันจะมุ่งเสริมสร้างศักยภาพทางกลาโหมอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือกับกลุ่มประเทศประชาธิปไตย เพื่อร่วมธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นผู้ที่เข้าร่วมหลักสูตร ร่วมระดมความคิดและผนึกกำลัง เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในมุมมองหลากหลายมิติ อันจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาความก้าวหน้าของประเทศ และเป็นพลังสำคัญในการผลักดันสันติภาพและเสถียรภาพในระดับนานาชาติต่อไป
ปธน.ไล่ฯ ในฐานะตัวแทนของประชาชนชาวไต้หวันและเหล่าทหารจาก 3 เหล่าทัพ ได้กล่าวต้อนรับผู้ที่มาเข้าร่วม “หลักสูตรการฝึกอบรมเจ้าหน้าทหารระดับสูงสำหรับตัวแทนจากประเทศพันธมิตรที่พูดภาษาสเปน ประจำปี 2567” ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และข้าราชการพลเรือนระดับสูง ซึ่งมาจากเบลีซ กัวเตมาลา ปารากวัย ชิลี เอกวาดอร์ เม็กซิโก เปรูและสเปน การเดินทางมาเยือนของทุกคน ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงพลังสนับสนุนที่มีต่อไต้หวัน แต่ยังเป็นการกระชับสัมพันธภาพระหว่างกลุ่มประเทศประชาธิปไตยให้แน่นแฟ้นมากขึ้นอีกด้วย
ปธน.ไล่ฯ ชี้ว่า หลักสูตรในครั้งนี้มีความหลากหลายเป็นอย่างมาก นอกจากคณะผู้ฝึกอบรมจะได้เข้าร่วมรับฟังการแสดงปาฐกถา รวม 6 รอบ ที่จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยป้องกันอาณาจักรแล้ว ยังมีกำหนดการเข้าเยี่ยมชมหน่วยงานราชการ รวมไปถึงฐานที่มั่นทางกลาโหมและสถานที่ทางวัฒนธรรม โดยจุดมุ่งหมายของหลักสูตรคือการประสานความร่วมมือในกิจการกลาโหมและความมั่นคง ระหว่างไต้หวันและมิตรประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน ภัยคุกคามที่มีต่อเสถียรภาพในภูมิภาคจากจีน ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที อันจะเห็นได้จากการที่จีนเข้าบุกรุกพื้นที่ช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคโดยรอบตามกลยุทธ์พื้นที่สีเทา นับวันก็ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ถือเป็นความท้าทายร่วมกันของกลุ่มประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก
ปธน.ไล่ฯ เห็นว่า ในฐานะผู้นำของทหาร 3 เหล่าทัพ หน้าที่สำคัญของตนคือการสร้างหลักประกันด้านการพัฒนาความคงอยู่ของประเทศชาติ คุ้มครองความมั่นคงทางชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในภาพรวม พร้อมนี้ ปธน.ไล่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นไต้หวันและประชาคมโลกร่วมแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างกัน ผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรครั้งนี้