หนังสือพิมพ์ Economic Daily News วันที่ 21 ก.พ. 62
ปธน.ไช่อิงเหวิน ผู้นำไต้หวันสาธารณรัฐจีนกล่าวถึงประเด็นความเสมอภาคในการสมรสว่า สังคมไต้หวันมีการหารือกันมาเป็นระยะเวลา 2 ปีกว่าแล้ว มิหนำซ้ำยังเกิดข้อถกเถียงและความขัดแย้งขึ้นในสังคมอีกด้วย และในช่วงเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมานี้ จากการตีความรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการกฤษฎีกาและผลการลงประชามติ ประกอบกับสังคมเห็นว่า ประเด็นนี้ควรมีข้อสรุปออกมาได้แล้ว
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้ที่มีอำนาจบริหารสูงสุด จำต้องมีความกล้าหาญในการแบกรับหน้าที่สำคัญนี้เอาไว้ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ในขณะที่รัฐบาลได้ระดมความคิดและสติปัญญาเพื่อแสวงหาแนวทางที่ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมเห็นพ้องต้องกัน เพื่อให้ร่างกฎหมายที่เสนอออกมานี้ สามารถช่วยจัดการแก้ปัญหาที่สังคมไต้หวันต้องเผชิญมาตลอดเป็นระยะเวลา 2 ปีกว่า
ปธน.ไช่ฯ แถลงว่า นี่เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่มาก การใช้อำนาจตัดสินใจต้องเป็นไปตามการตีความรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการกฤษฎีกา ขณะเดียวกัน ก็ต้องเคารพผลของการลงประชามติซึ่งสะท้อนถึงค่านิยมเก่าแก่ ช่วงเช้าวันนี้( 21ก.พ.) สภาบริหารได้ผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการสมรสเพศเดียวกัน และได้ประกาศให้ประชาชนรับรู้ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ปัญหานี้อย่างไร
ปธน.ไช่ฯ เชื่อว่า “ร่างกฎหมายว่าด้วยการปฎิบัติตามคำวินิจฉัยฉบับที่ 748 ของศาลรัฐธรรมนูญ" ที่สภาบริหารเสนอในวันที่ 21ก.พ. นั้น เกิดจากการแสวงหาแนวทางที่ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมเห็นพ้องต้องกัน และเพื่อลดช่องว่างในสังคมให้เหลือน้อยที่สุด แต่ทั้งนี้ก็อาจจะยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่พึงพอใจนัก คาดหวังว่านอกเหนือจากความไม่พอใจ ทุกคนควรร่วมกันทำความเข้าใจว่า นี่เป็นความขัดแย้งในสังคม ทุกคนควรเปิดใจให้กว้าง เอาใจเขามาใส่ใจเรา พยายามยอมรับร่างกฎหมายที่จะช่วยแก้ปัญหาฉบับนี้
ปธน.ไช่ฯแสดงความคิดเห็นว่า เราเป็นประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตย คุณค่าของประชาธิปไตย คือการที่ประชาชนสามารถเปิดใจยอมรับ ให้อภัย และยอมรับความเห็นต่าง ในความเป็นจริงแล้ว ประชาธิปไตยก็คือวิถีแห่งการแก้ไขความขัดแย้งนั่นเอง
ปธน.ไช่ฯ ยังแสดงความหวังว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติ เพื่อให้เป็นต้นแบบแก่สังคมประชาธิปไตย อันเป็นที่ภาคภูมิใจของไต้หวัน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สังคมที่มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เมื่อประสบกับประเด็นขัดแย้ง ทุกคนจะร่วมมือกันแก้ไขปัญหา