สำนักข่าว CNA วันที่ 18 ก.ค. 62
เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ขึ้นแสดงปาฐกถาในรัฐสภาของประเทศเซนต์ลูเซีย โดยย้ำว่า โครงการความร่วมมือระหว่างสองประเทศ สามารถเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวไต้หวันและเซนต์ลูเซียเข้ามีส่วนร่วม เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนี้ยังชี้ว่า สิ่งที่ทำให้รูปแบบความร่วมมือของไต้หวันแตกต่างจากประเทศอื่นคือ จะไม่ทำให้เกิดปัญหาในเรื่อง “กับดักหนี้สิน” อย่างแน่นอน
ระหว่างการแสดงปาฐกถา ปธน.ไช่ฯ ได้ชี้แจงถึงสัมพันธภาพอันดีระหว่างสองประเทศ โดยให้การยอมรับว่า เซนต์ลูเซียเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งในภูมิภาคแคริบเบียนของไต้หวันตลอดมา พร้อมนี้ปธน.ไช่ฯ ยังได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี Allen Chastanet แห่งเซนต์ลูเซีย สำหรับการสนับสนุนไต้หวันอย่างเปิดเผยในการประชุมสหประชาชาติที่จัดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และขอบคุณ Mary Isaac รมว.สาธารณสุขเซนต์ลูเซีย ที่ช่วยเป็นกระบอกเสียง สนับสนุนให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) ในปีนี้
ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ ไต้หวัน – เซนต์ลูเซียได้ร่วมกันผลักดันโครงการความร่วมมือที่สำคัญหลายประการ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพิชิตเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ปธน.ไช่ฯ ได้เดินทางเข้าร่วมเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการบูรณะโรงพยาบาล St. Jude แห่งเซนต์ลูเซีย เพื่อร่วมสร้างหลักชัยที่สำคัญอีกประการ อันเกิดจากความร่วมมือด้านการแพทย์และสาธารณสุขระหว่างไต้หวัน - เซนต์ลูเซีย ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
นอกจากความร่วมมือด้านระบบการดูแลสุขภาพแล้ว ทั้งสองประเทศยังได้ร่วมกันพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน ปธน.ไช่ฯ แถลงว่า โครงการนี้ริเริ่มขึ้นเมื่อปี 2013 อันประสบผลความสำเร็จในการช่วยเซนต์ลูเซียแก้ไขปัญหาโรคใบจุดที่เกิดจากการทำลายของแมลงศัตรูพืช และช่วยยกระดับผลกำไร ซึ่งในปัจจุบันนี้ เซนต์ลูเซียเป็นประเทศแถบทะเลแคริบเบียนฝั่งตะวันออกเพียงประเทศเดียว ที่ส่งออกกล้วยให้กับตลาดประเทศยุโรปได้
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า ไต้หวัน – เซนต์ลูเซียยังมีการประสานความร่วมมือกันอย่างแนบแน่น ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ อาทิ โครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของภาครัฐ และลดระดับความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังได้เรียนเชิญสมาชิกสภาเข้าร่วมพิธีเปิดโครงการบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ (GINET) ครั้งที่ 2 โดยชี้แจงว่าโครงการดังกล่าว จะมีส่วนช่วยยกระดับการกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ
ปธน.ไช่ฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานที่มีความมั่นคงแล้ว ยังนับว่าเป็นการเพิ่มพูนโอกาสงานใหม่ๆ ระหว่างประเทศให้เกิดขึ้น ภายใต้รูปแบบการเกื้อหนุนผลประโยชน์ซึ่งกันและกันอีกด้วย
ปธน.ไช่ฯ เผยว่า “รูปแบบความร่วมมือเช่นนี้ สามารถเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวไต้หวันและเซนต์ลูเซียเข้ามีส่วนร่วม เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน” โดยเน้นย้ำว่า สิ่งที่ทำให้รูปแบบความร่วมมือของไต้หวัน แตกต่างจากประเทศอื่นๆ คือจะไม่ทำให้เกิดปัญหาเรื่อง “กับดักหนี้สิน” อย่างแน่นอน โครงการที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน ถือเป็นผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากพื้นฐานที่ดี ทั้งในด้านการเจรจาสื่อสารและความร่วมมือระหว่างกัน
ทั้งนี้ ปธน.ไช่ฯ กล่าวปิดท้ายว่า ไต้หวันและเซนต์ลูเซียร์ต่างก็เป็นประเทศขนาดเล็กเช่นเดียวกัน และในทางธรรมชาติแล้ว ต่างก็ต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิศาสตร์และสภาพภูมิอากาศเหมือนกัน และในด้านประวัติศาสตร์ ทั้งสองประเทศต่างเคยก้าวผ่านหนทางอันแสนยาวนาน ในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นเราจึงเคารพในคุณค่าด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ตลอดจนมีภารกิจหน้าที่ร่วมกัน ในการกระตุ้นเสถียรภาพ เสรีภาพและประชาธิปไตย ให้เกิดแก่ภูมิภาคสืบไป