NDC วันที่ 26 ก.ย. 62
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติของไต้หวัน (National Development Council, NDC) แถลงว่า สถาบัน IMD (International Institute for Management Development) แห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ประกาศผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลระดับโลก (IMD World Digital Competitiveness Ranking 2019, DCR) เมื่อวันที่ 26ก.ย. ซึ่งชี้ว่า ไต้หวันครองอันดับที่ 13 จากทั้งหมด 63 ประเทศและเขตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเป็นอันดับที่ดีขึ้น 3 อันดับจากปี 2018
สำหรับในภูมิภาคเอเชีย ไต้หวันครองอันดับที่ 4 จาก 14 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ ขยับขึ้น 1 อันดับจากปี 2018 และครองอันดับ 4 ในกลุ่มประเทศและเขตเศรษฐกิจที่มีประชากรมากกว่า 20 ล้านคน ซึ่งมีทั้งหมด 29 ประเทศ และเป็นการขยับขึ้น 2 อันดับจากปีที่แล้วเช่นเดียวกัน
NDC ระบุว่า การจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของ IMD มีเกณฑ์การพิจารณาทั้งหมด 3 ประการ อันประกอบด้วย ความรู้ (Knowledge) เทคโนโลยี (Technology) และความพร้อมสำหรับอนาคต (Future Readiness) ซึ่งทั้ง 3 เกณฑ์ดังกล่าว ไต้หวันล้วนได้รับอันดับที่ขยับขึ้นหน้าจากปีที่แล้วทั้งสิ้น อาทิ ด้าน “ความรู้” ซึ่งมุ่งเน้นในการประเมินความสามารถของประเทศ ในการเรียนรู้เทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ ซึ่งไต้หวันครองอันดับที่ 17 ของโลก ขยับขึ้น 2 อันดับจากปีที่แล้ว ทางด้าน “เทคโนโลยี” มุ่งเน้นในการประเมินความสามารถของประเทศ ในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งในปีนี้ ไต้หวันครองอันดับที่ 9 ของโลก ส่วนด้าน “ความพร้อมสำหรับอนาคต” มุ่งเน้นในการประเมินการเปลี่ยนแปลงโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งไต้หวันสามารถขึ้นครองอันดับที่ 12 ของโลก ขยับสูงขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 10 อันดับ
NDC เผยว่า การจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติ เป็นข้อมูลอ้างอิงที่สำคัญในการวางแผนนโยบายของรัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ซึ่งจะมีการวิเคราะห์รายงานของ IMFอย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมถึงประเมินข้อได้เปรียบ – เสียเปรียบของการพัฒนาดิจิทัลในประเทศ เพื่อนำไปปรับแก้ให้มีการพัฒนาที่ดีขึ้นต่อไปในอนาคต
NDC แถลงปิดท้ายว่า เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วม รัฐบาลไต้หวันจึงได้ริเริ่มผลักดันโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา อาทิ “แผนปฏิบัติการรัฐบาลอัจฉริยะ” และ “โครงการเครือข่าย 5G” เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อเสริมสร้างพลังแห่งเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศ ให้เกิดความแข็งแกร่งมากขึ้น ขณะเดียวกัน NDC ก็จะเร่งผ่อนคลายกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และช่วยเหลือผู้ประกอบการ ในการตอบข้อสงสัยที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายและการปรับตัวตามข้อกฎหมาย ตลอดจนเร่งแก้ไขและวิจัยร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อดึงดูดบุคลากรและแรงงานต่างชาติที่มีคุณภาพ ให้เข้ามาทำงานในไต้หวัน อันจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในสากลของประเทศให้สูงขึ้นตามไปด้วย