สำนักข่าว CNA วันที่ 20 มี.ค. 62
เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา หลิวปั๋วจวิน ผู้ตัดสินกีฬาเบสบอลหญิงคนแรกของไต้หวัน สามารถคว้ารางวัล The Women and Sport Awards ประจำปี 2019 ถือเป็นคนแรกของไต้หวันที่ได้รับเกียรตินี้ หลิวปั๋วจวิน คาดหวังที่จะให้ “การเหยียดเพศถูกสไตร์คเอาท์” และต้องการดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือสังคมต่อไป
คณะกรรมการโอลิมปิคสากล (International Olympic Committee: IOC) ร่วมมือกับองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ได้จัดพิธีมอบรางวัล The Women and Sport Awards ในการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (Commission on the Status of Women) ครั้งที่ 63 โดยการที่หลิวปั๋วจวิน สามารถคว้ารางวัลดังกล่าวมาได้ ทำให้เห็นได้ว่าผลงานในการอุทิศตนของคุณหลิวฯ ในด้านการพัฒนาทางกีฬาของสตรี ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก
หลิวปั๋วจวิน ผู้ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสังคมสงเคราะห์ เคยกล่าวไว้ว่า “การได้ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นความสุขที่สุดของฉัน” โดยหลิวปั๋วจวินเริ่มให้ความสนใจและรักในกีฬาเบสบอลมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมปลาย การยึดมั่นในกีฬาที่เธอรักนี้ ช่วยให้เธอสามารถผ่านความไม่เท่าเทียมทางสถานะเพศและการเลือกปฏิบัติมาได้นับครั้งไม่ถ้วน
หลิวปั๋วจวิน ผู้ตัดสินกีฬาเบสบอลผู้หญิงคนแรกของไต้หวัน เคยได้รับรางวัล 10 เยาวชนหญิงดีเด่นประจำปีของไต้หวัน โดยคุณหลิวเคยได้รับการยกย่องจากนิตยสารฟอร์บส (Forbes) ในปี 2018 ว่าเป็นหนึ่งในสตรีผู้ทรงอิทธพลต่อวงการกีฬามากที่สุดคนหนึ่งของวงการกีฬาโลก นอกจากนี้ ยังเคยไปเข้าร่วมอบรมใน “โครงการอบรมโค้ชกีฬาระดับโลก (Global Sports Mentoring Program : GSMP)” ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จัดขึ้น เธอยังคาดหวังว่าจะมีการสร้างนักกีฬาหญิงให้มากยิ่งขึ้นในอนาคตข้างหน้า พร้อมกันนี้ยังแสดงความคาดหวังว่า จะสามารถใช้กีฬามาเป็นสื่อกลาง ในการเสริมสร้างความแข็งแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจแก่เหล่าเยาวชนผู้ด้อยโอกาสในสังคมและเหล่าคุณแม่ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทั้งหลายด้วย
หลิวปั๋วจวิน ได้กล่าวแสดงความรู้สึกหลังรับรางวัลว่า การจะทำให้การเหยียดเพศถูสไตรค์เอาท์เป็นสิ่งที่ไม่ง่าย แต่ตนก็เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้ดีว่า กว่าที่ผู้หญิงสักคนหนึ่ง สามารถไต่เต้าขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งระดับผู้นำได้ เราไม่เพียงแต่ต้องทำให้ดีเท่านั้น แต่ยังต้องทำให้ยอดเยี่ยมทีสุดจึงจะได้รับโอกาสนั้น ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยให้เธอได้รับรางวัลแห่งเกียรติยศในครั้งนี้ ซึ่งเธอจะยังดำเนินภารกิจในการช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่องต่อไป”